ชาวนาสุพรรณฯ​ เก็บเมล็ดพันธุ์ ค้าน CPTPP

การแถลงข่าวหลังการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา คงทำให้หลายคนสับสนว่า ตกลงรัฐบาลสั่งเดินหน้าเข้าร่วมเจรจาหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP แล้วหรือไม่ แม้อธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ จะออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ พร้อมยืนยันว่า การเข้าร่วมเจรจาหรือไม่ ยังเหลืออีกหลายขั้นตอน 


แต่ต้องยอมรับว่า บทสรุปเรื่องนี้อาจมาถึงเร็ว ๆนี้ เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาศึกษาผลกระทบโดยให้เวลาเพียง 1 เดือน ขณะที่เกษตรกรกำลังกังวล เพราะหากไทยเข้าร่วม CPTPP ความพยายามพึ่งพาตัวเองและสร้างความมั่นคงด้วยการเก็บเมล็ดพันธุ์อาจเสี่ยงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และกระทบถึงวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิมของเกษตรกรรมไทย 

ที่นาจำนวน 9 ไร่ของ กนกพร ดิษฐ์​กระจันทร์ เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ถูกแบ่งเป็นส่วนๆ มีทั้งที่เป็นข้าวนาดำไว้เก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อเพาะปลูกในรอบต่อไป นาข้าวที่ไว้ขายและกินเอง รวมถึงแปลงผักสวนครัว

กนกพร เก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวและผักไว้หลายชนิด เธอคัดเลือกจากผลผลิตที่ดีที่สุดนำมาเป็นแม่พันธุ์ในการปลูกต่อ รวมทั้งขายและแบ่งปันให้กับคนในชุมชน

แต่วิถีชีวิตดั้งเดิมเหล่านี้อาจเปลี่ยนไปหากไทยเข้าร่วมข้อตกลงการค้า CPTPP

กนกพรเริ่มเก็บเมล็ดพันธุ์เองเมื่อปี 2549 หลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ที่ต้องอาศัยเมล็ดพันธุ์จาก กรมวิชาการเกษตรและบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ต้องใช้ยาและปุ๋ยเคมีจำนวนมาก

การเก็บเมล็ดพันธุ์ทำให้ช่วยลดต้นทุน และปลูกพันธุ์ข้าวที่หลากหลาย ซึ่งมีราคาดีกว่าพันธุ์ข้าวที่ชาวนาปลูกกันทั่วไป

ความพยายามผลักดันจากกลุ่มทุนให้ไทยเข้าร่วม CPTPP มีมาต่อเนื่อง กระทั่งมีการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช เมื่อปี 2560 ไว้รองรับอนุสัญญาว่าด้วยสหภาพระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่หรือ UPOV ในข้อตกลงของ CPTPP ซึ่งเครือข่ายชาวนาออกมาคัดค้านอย่างหนักในเวลานั้น

กนกพร บอกว่า หากยอมรับข้อตกลงตามอนุสัญญานี้ การจะนำพันธุ์พืชใดไปปลูกต่อ จะทำได้เพียงเก็บพืชเมล็ดเล็กเท่านั้น ไม่รวมถึงไม้ผล ไม้ดอก ไม้ประดับและผักต่างๆ ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่บริษัทได้ขอรับการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ไว้ เกษตรกรจะสามารถนำไปปลูกต่อเพียงเพื่อยังชีพเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำข้าวที่ปลูกไปขายได้ เพราะติดลิขสิทธิ์

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

รูปภาพ
  ชี้ระบบใหม่สร้างความยุ่งยากคนไข้และโรงพยาบาล บังคับให้แยกแยะการตรวจที่เกี่ยวกับมะเร็ง หน่วยบริการเสี่ยงถูกปฏิเสธการเบิกจ่าย ผู้ป่วยต้องหาใบส่งตัวทุกครั้งที่มาติดตามผล แม้เป็นการตรวจที่เคยทำโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว  ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร  หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช ให้สัมภาษณ์รายการตรงประเด็น ไทยพีบีเอส วันที่ 13 ธ.ค. 2567 กรณีการปรับเงื่อนไขการเบิกจ่ายกองทุนมะเร็งรักษาทุกที่ (Cancer Anywhere) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 ซึ่งทำให้เกิดความสับสนในกลุ่มผู้ป่วยที่ถูกหน่วยบริการขอใบส่งตัว โดยจากการชี้แจงของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตัวเขาเองไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากทำงานในส่วนของการตรวจวินิจฉัยโรค แต่ในส่วนของการรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะในหน่วยบริการและโรงพยาบาลต่าง ๆ จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ในอดีต โครงการ  “Cancer Anywhere”  อนุญาตให้หน่วยบริการเบิกจ่ายค่าดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งจาก สปสช. โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัวจากต้นสังกัดสิทธิ์ของผู้ป่วยในทุกกรณี หากการรักษายังคงเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง เช่น ...
อ่านเพิ่มเติม

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

รูปภาพ
รพ.รัฐ 218 แห่งติดลบ แพทย์เตือนระบบใกล้พังภายใน 3 ปี ต้นทุนผู้ป่วยใน 13,000 บาท แต่ สปสช.จ่ายแค่ 7,100 บาท หน่วยบริการทั่วประเทศรวมตัว จี้ สปสช.ยอมรับปัญหา เร่งแก้วิกฤตการเงินก่อนระบบล่มสลาย เสนอปรับโมเดลบัตรทอง หยุดเพิ่มสิทธิประโยชน์ถ้าไม่มีงบ-รับผิดชอบต้นทุนจริง วันที่ 24 พ.ค. 2568 ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมโรงพยาบาลสถาบันกรมการแพทย์ สมาคมคลินิกชุมชนอบอุ่น และเครือข่ายเครือข่ายสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย  (UHosNet) จัดเสวนา “ ทิศทางการดำเนินงานระบบบัตรทองในปัจจุบันและอนาคต”  นพ.เพชร อลิสานันท์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการเงิน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทน UHosNet กล่าวว่า การเสวนาครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญที่ผู้ให้บริการระบบสาธารณสุขทั่วประเทศได้มาร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาระบบบัตรทอง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ท่ามกลางสถานการณ์ที่หน่วยบริการหลายแห่งกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในการบริหารจัดการงบประมาณ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ให้บริการออกมาเคลื่อนไหว แต่ครั้งนี้เรามีเป้าหมายชัดเจนในการสื่อสารกับทุกภาคส่วนและสังคมว่า ปัญหาได้ลุก...
อ่านเพิ่มเติม

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!

รูปภาพ
เปิดเอกสาร รายรับคลินิกฯ ช็อก! งบรายหัวบัตรทอง เหลือแค่ 10 บาท ถึงขั้นต้องกู้เงินรักษาคนไข้ เหตุถูกหักค่าส่งต่อผู้ป่วยไปรพ.เกลี้ยง เสนอแยกงบฯ คลินิกปฐมภูมิ - โรงพยาบาล คาดผู้ประกอบการทยอมออกจากระบบนับร้อยหากสปสช. ไม่เร่งแก้ไข ระบบสาธารณสุข กทม.ล่ม ด้าน “สมศักดิ์” ตั้งคณะกรรมการศึกษาต้นทุนฯ ขณะที่ “สปสช.” แนะคลินิก  จัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคมากขึ้น จากกรณีญาติผู้ป่วยออกมาร้องเรียนปัญหาคลินิกชุมชนอบอุ่น กทม. ไม่ออกใบส่งตัวผู้ป่วยมะเร็ง โดยมีคลินิกแห่งหนึ่งระบุว่าได้รับค่าเหมาจ่ายรายหัวเพียง 10 บาทต่อคนต่อเดือน ทำให้ไม่มีเงินในการดำเนินการแล้ว วันนี้ (4 มี.ค. 2568)    ตัวแทนคลินิกชุมชนอบอุ่น กทม. ให้ข้อมูล The Active ว่า  เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โอนจ่ายเงินให้กับคลินิก  พบว่าจำนวนเงินที่ได้รับเพียง 10-26 บาทต่อคนต่อเดือนจริง  ซึ่งส่วนใหญ่ไปหนักที่  OP Refer  (ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ป่วยที่ต้องส่งต่อ หรือ ใบส่งตัว) ซึ่งต่ำกว่า 800 บาท ทำให้งบประมาณรวม ที่จัดสรรให้คลินิกชุมชนอบอุ่นแต่ละแห่งต...
อ่านเพิ่มเติม