ภาคปชช.ดันบำนา​ญแห่งชาติ​ ไม่หวั่นกฤษฎีกา​ค้าน

ชี้เป็นเพียงความเห็น ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี​ตัดสินใจ เผยคณะอนุกรรมาธิการจัดทำข้อเสนอมีเวลาอีก 30 วัน เร่งถกที่มาแหล่งงบประมาณ สลากกินแบ่ง พร้อมเทรายได้หวย 2​ แสนล้าน ขณะที่ภาคประชาชนเสนอ เปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บภาษี

26​ ส.ค.​ 63​ จากกรณีกฤษฎีกา เสนอนายกรัฐมนตรี​ ไม่ให้คำรับรอง ร่างพ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ ฉบับเครือข่ายประชาชน ให้คนอายุ 60 ขึ้นไป รับบำนาญ 3 พันบาทต่อเดือน เหตุซ้ำซ้อนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 พร้อมเสนอแก้ระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติแทน

ล่าสุด​ นายนิมิต​ เทียนอุมดม เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนเบี้ยยังชีพเป็นบำนาญแห่งชาติ ที่เป็นหลักประกันทางรายได้รายเดือน โดยอ้างอิงตามเส้นความยากจนที่ต้องปรับตามสภาพเศรษฐกิจ แต่เบี้ยยังชีพเป็นอัตราเงินที่แช่แข็งคงที่มานานและไม่มีฐานคิดเรื่องการปรับจำนวนที่แน่นอน มันเป็น การสงเคราะห์ และการบริหารจัดการก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"กฤษฎีกาสามารถให้ความเห็นได้เราน้อมรับฟัง แต่ท้ายที่สุดแล้วความเห็นนั้นต้องไม่เป็นอุปสรรคไปขัดขวางให้กฎหมาย บำนาญแห่งชาติ ได้มีโอกาสไปพิจารณาต่อในสภาฯ​ กุญแจสำคัญที่จะให้กฎหมายนี้ได้ไปต่อหรือไม่อยู่ที่ นายกรัฐมนตรี​ว่าจะให้กลไกสภาได้ทำหน้าที่พิจารณา" 

สำหรับการขับเคลื่อน​ พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติฯ​ อยู่ในการศึกษาแนวทางและจัดทำข้อเสนอ ภายใต้กรรมาธิการสวัสดิการสังคมเด็กและผู้สูงอายุซึ่ง​ มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อจัดทำแนวทาง​ร่าง พ.ร.บ.บํานาญแห่งชาติ​ ภาคประชาชน ซึ่งจะต้อง ศึกษาและจัดทำร่างกฎหมายภายใน 30 วัน​ ก่อนยื่น เสนอนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ​ปลายเดือนกันยายน​นี้​ ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสภา

โดยคณะอนุกรรมาธิการได้ศึกษาถึงความเป็นไปได้​ เช่น​ แหล่งที่มางบประมาณ​ มีการเรียกหน่วยงานราชการต่างๆมาสอบถามความเห็น​ เช่นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บอกว่ามีเงินที่ได้จากการขายสลากถึง 2 แสนล้านบาทสามารถนำมาอุดหนุน ใน​ร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติได้​ ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่าถ้าเพิ่ม vat 8% ก็จะทำให้เงินเพิ่มอีก 2​ แสนล้านบาท เพื่อนำมาอุดหนุนเป็นบำนาญแห่งชาติ​ ส่วนความเห็นของภาคประชาชน คือการเปลี่ยนรูปแบบการเก็บภาษีให้มีการกระจายภาษีแบบใหม่เช่นยกเลิก BOI (ลดหย่อนภาษีกับนักลงทุน)​ จะได้เงินกลับคืนมาถึง 2​ แสนล้านบาท ขยับภาษีในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์​ ภาษีที่ดิน​ ภาษีน้ำมัน ก็จะได้เงินส่วนนี้มาเป็นแหล่งที่มาของงบประมาณใน​ ร่าง​ พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ ซึ่งจะต้องครอบคลุม ผู้สูงอายุถึง 12 ล้านคนใช้งบประมาณกว่า 4.3 แสนล้านบาทต่อปี​ คิดเป็น 2.5 % ของ GDP ซึ่งสิ่งเหล่านี้มองว่าขึ้นอยู่กับรัฐมีเจตจำนง ที่จะดำเนินนโยบายหรือไม่​ เพราะเห็นได้ชัดว่ามีความเป็นไปได้ในการจัดสรรงบประมาณ และถือว่าเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ในการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!