"หมอธีระ" แนะชุมนุมปลอดโควิด ชี้รอบ 2 คุมยาก 3 เท่า
ชี้ชุมนุมการเมือง ปัจจัยเสี่ยงระบาดรอบ 2 แนะรวมตัวในที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ภาคระบาดซ้ำ หากระบาดซ้ำเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจสูญเปล่า
22 ก.ย. 63 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า หลังจากพบการติดเชื้อภายในประเทศจำนวน 2 ราย สะท้อนให้เห็นว่ายังคงมีผู้ติดเชื้อแฝงอยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน แม้จะมีการตรวจเชิงรุก 6 เทส ต่อประชากร 1,000 คน แต่ก็ยังไม่มากเท่าประเทศญี่ปุ่นที่ตรวจ 15 เทสต่อประชากร 1,000 คน
โดยตามหลักการเมื่อมีการติดเชื้อภายในประเทศก็หมายความว่ายังอยู่ในภาวะเสี่ยง ซึ่งหากพิจารณาดูก็จะพบว่า ผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศพบหลังจากมีการปลดล็อคเฟส 6 ไป 6 สัปดาห์ก็ถือว่ามีความสัมพันธ์กัน
ในภาพรวมตอนนี้ประเทศไทยมี 3 ปัจจัยเสี่ยงในการระบาดรอบ 2 คือ 1. การพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศโดยยังไม่ทราบที่มา 2. การเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว และ 3. การชุมนุมทางการเมือง
"สำหรับกรณีที่มีการชุมนุมทางการเมือง แนวทางในการป้องกันอย่างตรงไปตรงมาคือ ไม่ต้องชุมนุม เนื่องจากการแสดงความเห็น เพื่อให้ได้รับการตอบรับมีหลายช่องทาง การชุมนุมก็ต้อง ถือว่าเป็นความเสี่ยงระบาดแน่ๆเพราะมีจำนวนคนเยอะ ไม่สามารถรักษาระยะห่างได้"
อย่างไรก็ตาม นพ.ธีระ ระบุต่อไปว่า หากไม่สามารถเลี่ยงการชุมนุมได้ก็ควร จัดการชุมนุมให้ปลอดภัยมากที่สุด ด้วยการจัดในที่โล่งแจ้งอากาศถ่ายเทสะดวก มีระบบการคัดกรองทุกกลุ่มคนที่เข้ามาในที่ชุมนุม เข้มงวดการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมกับพกเจลล้างมือติดตัว
สำหรับผู้ที่ไปชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กันยายนควรสังเกตอาการตนเองว่ากลับมามีไข้ไอเจ็บคอหรือไม่ และมีอาการจมูกสูญเสียการดม การลิ้มรสรวมไปถึงอาการท้องเสียร่วมด้วยหรือไม่ เพราะเป็นอาการบ่งชี้ว่าอาจติดเชื้อโควิด 19 หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์แล้วบอกความจริง เนื่องจาก 20% ของผู้ที่ติดโควิค 19 ติดเชื้อแบบไม่รู้ตัว ไม่มีอาการ ส่วนอีก 65% มีอาการน้อย ที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก
"ทำไมเราจึงกลัวการระบาดซ้ำ เพราะอยากให้ดูประเทศที่ระบาดรอบ 2 ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย หรืออังกฤษ ว่าการระบาดครั้งที่ 2 ควบคุมยากกว่าครั้งแรกและใช้เวลาควบคุมนานกว่า 1.5 - 3 เท่า และพบว่าการระบาดจะมีขึ้นอย่างเฉียบพลันทันใด"
โดยหากปล่อยให้มีการระบาดรอบ 2 จะทำให้สิ่งที่รัฐบาลพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจเช่นการกู้เงิน จำนวนมากสูญเปล่า ไม่ต่างอะไรจากการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น