หมดโปรพักหนี้ 22 ต.ค.นี้ ต้องเฝ้าประเมินสถานการณ์ทุกไตรมาส

กกร. พอใจมาตรการพักชำระหนี้ธปท. ชี้แม้หมดโปร 22 ต.ค.นี้  แต่ต้องเฝ้าประเมินสถานการณ์ทุกไตรมาส

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ภาครัฐ โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตรการช่วยเหลือ และ บรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

โดยหนึ่งในมาตราการที่ออกมา คือ มาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน โดยลูกหนี้ต้องมีคุณสมบัติ คือ เป็นหนี้ที่ยังชำระปกติ หรือ ค้างไม่เกิน 90 วัน ณ 31 ธ.ค. 62 , วงเงินของทุกบริษัทในกลุ่มที่มีกับสถาบันการเงินเดียวกัน ไม่เกิน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถปรับตัวจากผลกระทบ และ ก้าวผ่านวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้ไปได้ โดยมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 22 ต.ค. 63

ข้อมูลที่ได้รับจากธนาคารแห่งประเทศไทย มาตรการพักชำระหนี้นี้ช่วยให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และ สมัครใจเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1.05 ล้านบัญชี เป็นยอดหนี้ประมาณ 1.35 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการได้เตรียมพร้อมและปรับตัว เป็นการให้เวลากับธุรกิจของลูกหนี้ 

ลูกหนี้ที่เข้าข่ายในการเข้าร่วมโครงการสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ


   1. กลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติหลังหมดมาตรการ ซึ่งธนาคารประเทศไทย ประมาณว่ามีกว่า 60% ของยอดหนี้ที่เข้าข่ายในการเข้าร่วมโครงการ

   2. กลุ่มที่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจแต่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งหลังหมดโครงการธนาคารแห่งประเทศไทย จะให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งธนาคารประเทศไทย ประมาณว่ามีกว่า 20% ของยอดหนี้ที่เข้าข่ายในการเข้าร่วมโครงการ

   3.กลุ่มที่ยังไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ซึ่งหลังหมดโครงการ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้พิจารณาขยายระยะเวลาการชำระหนี้เป็นรายกรณี ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน นับจากสิ้นปี 63 ซึ่งธนาคารประเทศไทย ประมาณว่ามี 10% ของยอดหนี้ที่เข้าข่ายในการเข้าร่วมโครงการ

   4. กลุ่มที่ขาดการติดต่อกับสถาบันการเงิน ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 6% ของยอดหนี้ที่เข้าข่ายที่สามารถเข้าร่วมโครงการ

   ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นประกอบกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศให้สถาบันการเงินคงสถานการณ์จัดชั้นลูกหนี้ถึงสิ้นปี 63 สำหรับลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการเจรจาปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ เพื่อช่วยไม่ให้ลูกหนี้กลายเป็น NPL ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงจูงใจให้สถาบันการเงินเร่งดำเนินการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงปรับมาตรการจากการขยายการพักชำระหนี้ ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 22 ต.ค.63 นี้ เป็นมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เชิงรุกและตรงจุดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกหนี้แต่ละราย

 “มาตรการที่ออกมาถือว่าเพียงพอต่อการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังไม่สามารถกลับมาชำระได้ โดยเราจะมีการประเมินดูทุกไตรมาส หรือ 3 เดือนนี้”นายกลินท์ กล่าว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!