มรภ.นครศรีธรรมราช ผุด "ครุยผ้ายกเมืองนคร" กระตุ้นศก.ท้องถิ่น แห่งแรกของไทย
สภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ไฟเขียว แก้แบบครุยรับพระราชทานปริญญาบัตร ใช้ผ้ายกเมืองนคร กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ทำเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท
วชิรวิทย์รายวัน 12 ต.ค. 63 | ผศ.สุรศักดิ์ แก้วอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชเปิดเผยว่าปีการศึกษา 2564 บัณฑิตที่จะเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร จะมีการเปลี่ยนรูปแบบชุดครุยจากเดิมเป็นแถบกำมะหยี่ เปลี่ยนเป็นแถบที่ใช้ผ้ายกเมืองนครของกลุ่มทอผ้าตรอกแค ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยประเทศเรียบร้อยแล้ว กำลังเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น หลังซบเซาจากวิกฤต covid-19 ที่ไม่มีนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มีนักศึกษาและบุคลากรกว่า 10,000 คน ดังนั้นการออกนโยบายส่งเสริมการใช้ผ้ารวมไปถึงวัสดุที่ทำจากท้องถิ่น คาดว่าจะสามารถ ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในชุมชน กว่า 10 ล้านบาททันที
นโยบายการส่งเสริมใช้ผ้าและวัสดุจากท้องถิ่น มีขึ้นภายหลังจากที่ มหาวิทยาลัยได้เข้าร่วม โครงการวิจัยมหาวิทยาลัยกับการพัฒนากลไกเพื่อดูดซับเศรษฐกิจภายในพื้นที่ โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่เริ่มมีการระบาดของ covid-19
นอกจากผ้ายกแล้ว ผ้าท้องถิ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าบาติก ผ้ามัดย้อม มหาวิทยาลัยได้ส่งเสริมให้บุคลากรได้สวมใส่ เพื่ออุดหนุนผู้ประกอบการรายย่อยที่ผลิตผ้าในพื้นที่ และมีแผนที่จะขยายกิจการต่อ ด้วยการสร้างแบรนด์ "ภูมิพัฒน์" เพื่อทำการตลาดออนไลน์ช่วยชุมชน
ผศ.สุรศักดิ์ บอกอีกว่า จากการตรวจเยี่ยม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 63 ของนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) ได้เห็นโมเดลดังกล่าวก็เตรียมที่จะส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยราชภัฏอีกกว่า 100 แห่งทั่วประเทศได้มีแนวทางเช่นเดียวกัน ในการสนับสนุนท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านนางวิไล จิตรเวช ประธานกลุ่มทอผ้า บ้านตรอกแค กล่าวว่า ภายหลังจากที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มีนโยบายส่งเสริมการใช้ผ้าท้องถิ่น ก็ทำให้มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 70,000 บาทต่อเดือน เป็น 200,000 - 300,000 บาทต่อเดือนทันที โดยผ้ายกเมืองนครถือเป็น เอกลักษณ์และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอด ตั้งแต่สมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ และได้รับการฟื้นฟู ตามโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงได้มีอาชีพเสริม หลังจากกรีดยาง หรือปลูกผัก
สำหรับผ้ายกเมืองนครลายดอกพิกุลซึ่งเป็นลายพื้นฐาน จะมีราคาอยู่ที่หลาละ 300 บาท ส่วนผ้ายกลายโบราณ จะมีราคา 1,200 บาท ต่อ หลา รายได้ของสมาชิกขึ้นอยู่กับจำนวนผ้าที่ทอได้ แต่ละรายได้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาทยิ่งมียอดสั่งซื้อมาก รายได้ของชาวบ้านก็จะเพิ่มมากขึ้นตาม ทำให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย ในช่วงที่เศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบ จาก covid-19 ที่มีลูกหลานตกงานจากภาคอุตสาหกรรม
/////
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น