คณบดีเศรษฐศาสตร์​ มธ.แนะรื้อระบบประกันสังคม​ รับวิกฤตแรงงาน​

คณบดีเศรษฐศาสตร์​ มธ.​ ระบุแรงงานไทยไร้เงินออม​ -​ หนี้ท่วมหัว​ หลังโควิด​กลับภาคเกษตร​มากขึ้น​แต่รายได้ต่อหัวต่ำ​ แนะรัฐเร่งสร้างระบบการออม​ รวมบัตรทอง-ประกันสังคม

27​ ต.ค.​ 63​ -​ ผศ.ดร.ศุภชัย ศรีสุชาติ คณบดีคณเศรษฐศาสตร์ มธ.​กล่าวว่า​ สถานการณ์​แรงงานมีปัญหาสะสมมาก่อนหน้าที่จะเกิดโควิด-19 ระบาดอยู่แล้ว โดยช่วงกลางปี 2562 จีนกับสหรัฐทำสงครามการค้ามีผลกระทบต่อ Global supply chain พอปี 2563 เกิดโควิด-19 ระบาดซึ่งประเทศไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบไปเต็ม​ๆ ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยเงื่อนไขหลายอย่าง มากที่สุดคือปัญหาด้านโครงสร้างประชากร​ คนตายน้อยลงแต่คนเกิดก็น้อยลง​ 

ปัจจุบัน​ไทยมีประชากรอยู่จำนวน 38 ล้านคน​ ซึ่งอยู่ในวัยกำลังแรงงาน​ ในจำนวนนี้ 37 ล้านคนมีงานทำ แต่ก็มีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้แรงงานบางกลุ่มทำงานไม่ตรงสาย นอกเหนือจากนี้อีก 18 ล้านคนไม่ได้อยู่ในวัยกำลังแรงงาน​ เป็นเด็ก​ คนชรา​ และคนพิการ​ รวมทั้งสังคมสูงวัยที่กำลังคนจำนวนนี้เพิ่มมากขึ้น​ ขณะที่แรงงานส่วนใหญ่ไม่มีเงินออมและมีหนี้สิน​มาก​ ทำให้ไทยต้องเตรียมพร้อมหามาตรการรองรับ​ ทั้งในเรื่องของรัฐสวัสดิการ​ และระบบการออมแบบใหม่

"เวลาเราบอกว่าโควิดกระทบอะไรบ้าง อย่างเช่นกระทบภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต้องมองในระดับ supply chain ซึ่งตรงนี้ผมเน้นมากเพราะ supply chain ในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมันก็จะรวมไปถึงโรงแรม ร้านอาหาร ค้าปลีก ขนส่ง​ ที่กระทบทั้งหมด ขณะเดียวกันโควิตก็กระทบในเรื่องของการส่งออกและก็จะมี supply chain อีกปัจจัยหนึ่งคือ supply chain disruption ซึ่งเป็นอุตสาหกรรม​เก่า​ เช่น​ เครื่องใช้ไฟฟ้า​ ซึ่งเหล่านี้รับผลกระทบอยู่แล้วเต็มๆจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป"


📌ไอแอลโอคาดไทยมีผู้ว่างงาน​เพิ่ม​ 6-7%

คณบดีคณเศรษฐศาสตร์ มธ.​ ระบุว่าเมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว​ คนไทยหากตกงานจะมุ่งไปที่ภาคการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ และเป็นประจำทุกปีประเทศไทยมีผู้ว่างงานอยู่ที่ 1% แต่หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตัวเลขกระโดดพุ่งไป ไอแอลโอ​คาดว่าในกรณีที่เลวร้ายที่สุดจะมีผู้ว่างงานมากถึง 6-7% 

"หากวิเคราะห์ดูว่าทำไมประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลาง​ จะพบว่าภาคอุตสาหกรรม ทำรายได้ต่อหัวประชากรสูงสุดรองลงมาคือภาคบริการ​ ในขณะที่ภาคการเกษตรนั้นมีรายได้ต่อหัวต่ำสุด​ แต่ว่ามีแรงงานอยู่ในภาคนี้มากที่สุด​ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้การจ้างงานในภาคเกษตรและมีมูลค่าสูงขึ้น"

📌เสนอรวมบริการสุขภาพประกันสังคม​-บัตรทอง

ผศ.ดร.ศุภชัย​ กล่าวอีกว่า​ถ้ามาดูในด้านของความคุ้มครอง​ จะพบว่าแรงงานในระบบตามกฎหมายประกันสังคมตามมาตรา 33 39 และ 40 ก็มีอยู่ส่วนหนึ่งแต่ว่าอีก 20 ล้านคนนั้นเป็นแรงงานนอกระบบที่ไม่รับการคุ้มครองในอนาคต​ อย่างเช่น​ เงินบำเหน็จบำนาญ​ ทั้งยังมีปัญหาเรื่องหนี้สินและการออมควบคู่กันไป ซึ่งในส่วนของระบบประกันสังคม​ ช่วงที่ผ่านมาที่มีคนตกงานจำนวนมาก เคยมีข้อเสนอว่าให้รวมเรื่องของการบริการสุขภาพไปใช้กับบัตรทอง​ แล้วเงินที่ผู้ประกันตนจ่ายให้สมทบกองทุนประกันสังคมเก็บไว้เป็นเงินบำนาญล้วนๆ

แนวโน้มการจ้างงานในอนาคตก็จะเป็นในรูปแบบของพาร์ทไทม์มากขึ้น คนหนึ่งทำงานหลายอย่าง ซึ่งตรงนี้จะทำให้ต้องมาทบทวนในเรื่องของสวัสดิการ ที่ไม่รองรับและพูดไปถึงการปรับตัวของระบบประกันสังคม

กลุ่มแรงงานที่น่าเป็นที่สุดคือกลุ่มเด็กจบใหม่ที่มีอยู่ 4 แสนคนต่อปี​ ซึ่งใช้เวลางานหางานมากกว่ากลุ่มอื่นๆ กลุ่มนี้น่าเป็นห่วงมาก​ ส่วนนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสามารถ​สร้างตำแหน่งงานเพื่อรองรับได้ถึง​ 70,000 อัตรา​ ซึ่งเงินจ้างก็เป็บงบประมาณ​จัดสรรจากรัฐอยู่แล้ว​ 

📌 ชี้เงื่อนไขการจ้างงาน​ ขึ้นอยู่กับการเปิดประเทศ

คณบดีคณเศรษฐศาสตร์ มธ.​ กล่าวถึงกรณี​ รัฐมนตรี​ว่าการกระทรวงแรงงานประเมินสถานการณ์​ และแนวโน้มการจ้างงานดีขึ้นว่า​ เป็นการประเมินในแง่ดี ซึ่งก็อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ​ เพราะว่าหลังจากคลายล็อกดาวน์ทำให้สถานการณ์การจ้างงานดีขึ้น แต่ก็ยังคงต้องบริหารความเสี่ยง 

"ความเสี่ยงใหญ่ๆยังคงเป็นเรื่องของความท้าทาย ในการเข้าตลาดได้ไม่เต็มที่จากบัณฑิตจบใหม่ที่จะเข้าสู่ระบบแรงงานตลาดแรงงาน​ และยังต้องหาจุดสมดุล ระหว่างเศรษฐกิจกับสาธารณสุขให้ได้ เงื่อนไขสำคัญของการจ้างงานยังอยู่ที่การเปิดประเทศ จึงมีข้อเสนอว่าเป็นไปได้ไหมที่จะรับผู้ป่วยต่างชาติมารับการรักษาในประเทศไทยและมูลค่าสูง"


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!