"นักไว​รัสวิทยา​" ห่วงโควิด-19 สายพันธุ์​บลาซิล ดื้อวัคซีน​

นักไวรัสวิทยา​ สวทช. ชี้​ วัคซีนปัจจุบัน​ไม่ป้องกัน​ โควิด​-19 สายพันธุ์บราซิล แนะเร่งวิจัยวัคซีนต้นแบบให้ทันกับการกลายพันธุ์​ เผยนักวิจัยไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก​ คิดได้ก่อนแต่ขาดโครงสร้างพื้นฐานรองรับการผลิตวัคซีนครบวงจร​ ทำให้ผลิตวัคซีนได้ล่าช้ากว่าประเทศอื่น

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา​ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ​ ไบโอเทค สวทช.​ กล่าวกับ​ The​ Active​ว่า​ แม้วัคซีน​โควิด-19 จะถูกผลิตขึ้นสำเร็จ​ แต่ไวรัสที่มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ก็ยังทำให้เกิดความกังวล ว่าต้องวิจัยวัคซีนต้นแบบใหม่สำหรับไวรัสที่กลายพันธุ์ โดยเฉพาะตอนนี้มีสายพันธุ์จากอังกฤษ​ (501Y V.1)​ ที่ติดเชื้อได้ง่ายแต่อาการไม่รุนแรง แต่นักวิจัยวัคซีนยังยืนยันว่าวัคซีน​ที่คิดค้นตอนนนี้​สามารถป้องกันได้​ แต่อีกสายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงก็คือสายพันธุ์บราซิล (501Y​ V.2). วัคซีนอาจไม่ครอบคลุม สามารถ​ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้​ แม้จะฉีดวัคซีนไปแบ้ว​ แต่ปัจจุบัน​จำนวนผู้​ติดเชื้อ​โควิด-19 สายพันธุ์​บลาซิล ยังมีไม่มาก

"เพราะไม่สามารถทำนายการกลายพันธุ์ได้ล่วงหน้าจึงจำเป็นต้องเริ่มวิจัยวัคซีนต้นแบบให้อัพเดท​ ทันเวลาที่กลายพันธุ์อยู่เสมอ​ จึงจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19​ ที่ตอบรับกับการกลายพันธุ์ได้อย่างทันท่วงที" 

ดร.อนันต์​ กล่าวอีกว่า​ จริงๆแล้วนักไวรัสวิทยาในประเทศไทย​ก็สามารถที่จะคิดวัคซีนโควิด-19 ได้รวดเร็วและทันพอๆกับนักไวรัสวิทยาในต่างประเทศ​ แต่ติดปัญหาตรงที่ประเทศไทยยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน ห่วงโซ่การผลิตวัคซีนอย่างครบวงจร ยกตัวอย่างเช่น​ มีหน่วยงานอย่างไบโอเทค​ ในการวิจัยวัคซีน​ต้นแบบ​ แต่เมื่อวิจัยได้แล้ว​ ไม่มีสถานที่ทดลองในสัตว์อย่างถูกต้อง หรือมีจำนวนน้อยประเทศไทยมีเพียงแค่ 2 แห่ง ต้องไปต่อคิวกับหน่วยงานอื่นๆที่วิจัยวัคซีนต้นแบบไปพร้อมกัน ​ ทำให้เกิดความล่าช้าและเมื่อ ทดลองในสัตว์ เสร็จแล้วจะเริ่มทดลองในมนุษย์ก็ไม่มีโรงงานผลิตวัคซีน หรือมีจำนวนน้อย ดังนั้นการทดลองวัคซีนในอาสาสมัครมนุษย์จำนวนหลายหมื่นคน จึงทำได้ยาก และช้ากว่าประเทศอื่นที่สามารถคิดค้นวัคซีนได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม

"โควิด-19 ถือเป็นโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางวัคซีนให้กับประเทศไทย​ ซึ่งมีต้นทุนจากการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เดิมอยู่แล้ว โดยล่าสุดรัฐบาลได้มีการทุ่มงบประมาณให้กระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม​ ใช้สำหรับวิจัยวัคซีน​ต้นแบบ​ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานในห่วงโซ่การผลิตวัคซีนให้ครบวงจร​ เพราะเชื่อว่าในอนาคตจึงต้องมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นตามมาอีก​ หรือแม้แต่กระทั่งการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาที่อาจจะต้องมีการวิจัยวัคซีนต้นแบบเพื่อให้ทันกับการกลายพันธุ์ของโควิด-19 หลังจากนี้ด้วย"

สำหรับการผลิตวัคซีนในประเทศไทย ปัจจุบันมีอยู่ 4 หน่วยงาน​ ได้แก่องค์การเภสัชกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ ไบโอเทค​ สวทช.​ ทำไรก็ตามคาดว่า วัคซีนโดยคนไทยที่จะสำเร็จได้ก่อนใครน่าจะเป็นของ ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ​ ที่คาดว่าจะผลิตได้ในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกัน กับการผลิตวัคซีน astrazeneca ส่วนวัคซีน​ของไบโอเทค​ คาดว่าจะเริ่มทดสอบในคน เดือนเมษายนนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!