"หมอเลี๊ยบ" แนะยุบ "ศบค."! คืนอำนาจ สธ. จัดการโควิด-19
“นพ.สุรพงษ์” ติงนายกฯรวมศูนย์อำนาจทำจัดการโควิดล่าช้า ชี้ กทม. เป็น เขตปลอด “กระทรวงสาธารณสุข” มีทรัพยากรพร้อมแต่รับมือระบาดแย่กว่าต่างจังหวัด “โฆษก สธ.” ยัน แอสตราเซเนกาส่งมอบทันฉีดเดือนมิ.ย.
จากกรณีการเผยแพร่เอกสารของกระทรวงมหาดไทย ระบุจำนวนวัคซีนแอสตราเซเนการายจังหวัดเข็ม 1 (มิ.ย.) พบว่า จังหวัดกรุงเทพมหานคร รับจัดสรรมากที่สุด 2,510,000 โดสรองลงมา คือจังหวัดอุดรธานี 246,000 โดส จัวหวัดสมุทรปราการ 237,000 โดส และจังหวัดสกลนคร 181,000 โดย ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ระบาดสีแดง ส่วนพื้นที่ระบาดสีแดง เช่น จังหวัดนนทบุรี ได้วัคซีนเพียง 64,000 โดย
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวผ่านรายการ Active Talk วันที่ 24 พ.ค. 64 ระบุว่าแผนการกระจายวัคซีนที่ยังคงมีวัคซีนจำกัด รัฐบาลควรเน้นไปที่พื้นที่ระบาดสีแดง มากกว่าที่จะกระจายไปทั่วประเทศ ตามกลุ่มอายุประชากร ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มโรคเสี่ยง 7 โรค เนื่องจากในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาด อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีน หากมีการให้วัคซีนก็ยังไม่ไม่รู้ว่าวัคซีนจะมีระยะเวลาสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายนานเท่าใด ก็จำเป็นต้องฉีดซ้ำภายหลัง เพราะฉะนั้นการจัดลำดับความสำคัญในการระบาดรอบสาม ควรให้ความสำคัญกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ระบาดสีแดงก่อน
ด้านนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า การจัดสรรวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่พบต่างจังหวัดมีปริมาณสูงแม้ไม่ได้เป็นพื้นที่ระบาด เนื่องจากจัดสรรตามกลุ่มอายุประชากรผู้สูงอายุ และ 7 โรคเสี่ยง อย่างในจังหวัดสกลนครเป็นเมืองผู้สูงอายุจึงมีการจัดสรรวัคซีนไปเพื่อผู้สูงอายุตามจำนวนที่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์ ส่วนจังหวัดนนทบุรีแม้เป็นพื้นที่สีแดงผู้สูงอายุมีจำนวนน้อย จึงจัดสรรเท่าจำนวนจริงของผู้สูงอายุ แต่ขณะเดียวกันก็มีการจัดสรรวัคซีนซิโนแวคไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเอกสารดังกล่าวระบุเฉพาะวัคซีนแอสตราเซเนกา
แจงเหตุ “แอสตราเซเนกา” ล่าช้า
“แอสตราเซเนกา” เป็นวัคซีนหลักที่จะนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย ที่มีกำหนดการจัดส่งมอบภายในเดือนมิถุนายนนี้ แต่ก่อนหน้านั้นกระทรวงสาธารณสุข ส่งสัญญาณว่าอาจมีการส่งมอบแอสตราเซเนกา จากสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งผลิตในประเทศไทยในวันที่ 17 พฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิม แต่ล่าสุดมาจนถึงวันนี้มีกำหนดการว่าจะฉีด แอสตราเซเนกา ในวันที่ 7 มิถุนายน แต่ยังไม่มีการส่งมอบเกิดขึ้น และยังไม่มีวันที่แน่ชัดว่าส่งมอบในวันที่เท่าไหร่
นายแพทย์สุรพงษ์ จึงกล่าวว่า รัฐบาลควรสื่อสารเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยต้องระบุวันที่ว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาจะเข้ามาวันใดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวที่จะออกมาพูดถึงความคืบหน้าหรือยืนยันวันส่งมอบ แต่ทางบริษัทแอสตราเซเนกา ประเทศไทย และบริษัทสยามไบโอไซเอน ซ์ก็ควรที่จะออกมาให้ข่าวเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับประชาชนด้วย
กรณีหน่วยบริการหลายแห่งเลื่อนการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 ออกไปเนื่องจากกังวลเรื่องวัคซีนจะมาไม่ทันตามกำหนดนั้น นายแพทย์รุ่งเรือง ชี้แจงว่าบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ไม่ได้กำหนดส่งในวันที่ 1 มิถุนายน แต่จะเริ่มจัดส่งภายในเดือนมิถุนายน และทางบริษัทก็รับทราบกำหนดการที่รัฐบาลวางแผนฉีดวัคซีนแบบปูพรมอยู่แล้ว ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวรีกูล รับมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าประเทศไทยยังมีวัคซีนซิโนแวคพร้อมอยู่ และมั่นใจว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จะส่งวัคซีนตามข้อกำหนด โดยสัญญาระบุว่าหากวัคซีนที่ผลิตในไทยยังจัดส่งไม่ได้ก็ต้องจัดหามาจากแหล่งผลิตอื่นส่งให้ไทย ยืนยันเรามีวัคซีนฉีดให้กับพี่น้องประชาชนตามกำหนดของรัฐบาลแน่นอน และในช่วงบ่ายวันนี้บริษัทไฟเซอร์ได้มาหารือเกี่ยวกับเอกสารสำหรับยื่น ถือเป็นการนับหนึ่ง ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน อย่าไปกังวลในวันที่ 7 มิถุนายน ที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม จะใช้วัคซีนที่มีทั้งหมด
กทม. เขตปลอด “กระทรวงสาธารณสุข”
ตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมากกว่าทุกจังหวัดด และยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ทำให้ นายแพทย์สุรพงษ์ ตั้งข้อสังเกตถึงระบบสาธารณสุข กทม. ที่ถูกเรียกว่าเป็นเขตปลอดกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นพิเศษ ที่มีทรัพยากรมาก แต่ด้านของสาธารณสุขกลับมีความเข้มแข็งน้อยกว่าต่างจังหวัดหลายเท่าตัว
“ยกตัวอย่างง่ายๆ ในต่างจังหวัดยังมีโรงพยาบาลประจำอำเภอ คนที่ต้องการที่จะผ่าไส้ติ่งสามารถเดินเข้าไปแอดมิดและผ่าตัดได้เลยในขณะที่คนกทม. จะต้องหาโรงพยาบาล หรืออาจต้องเป็นของเอกชน เพราะไม่มีโรงพยาบาลประจำเขต นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการระบาดใน กทม. จึงมีปัญหาเรื่องการหาเจียงของผู้ป่วย“
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สุรพงษ์ เชื่อมั่นในหลักการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นแต่การให้ความสำคัญของท้องถิ่นต่อระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะ กทม. จะต้องมีการปรับปรุงและแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ก็ยอมรับว่าโครงสร้างของกรุงเทพมหานคร อาจมีหลายเรื่องที่ซับซ้อน และแก้ไขได้ยาก
ด้าน นายแพทย์รุ่งเรือง ยอมรับปัญหานี้โดยระบุ ว่าสัดส่วนของโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ 70% เป็นโรงพยาบาลในภาคเอกชน ส่วนอีก 30% เป็นของหน่วยงานรัฐและแบ่งแยกย่อยกันไปตามสังกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลสังกด กทม. และโรงพยาบาลของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
แนะยุบ “ศบค.” คืนอำนาจ กระทรวงสาธารณสุข
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร วิพากษ์วิจารณ์ถึงการบริหารงานในสถานการณ์โควิด-19 ว่าการตั้ง ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 หรือ ศบค. ไม่ได้ช่วยให้การตัดสินใจเร็วขึ้น ซ้ำยังทำให้ทุกอย่างล่าช้า กระทบต่อกลไกในการควบคุมโรคตามหลักการแพทย์ ย้อนดูการควบคุมโรคในอดีตที่ผ่านมาไม่มีการจัดตั้ง ศบค. เช่นโรคซาร์ส ใช้ทีมสอบสวนโรคลงไปควบคุมหาต้นตออย่างรวดเร็ว โรคไข้หวัดนกก็มีการบริหารงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งใช้กลไกตามปกติในการบริหารงาน มีคนประมาณ 10 กว่าคนนั่งคุยกัน และแผนงานวันรุ่งขึ้นเดินหน้าทำเลย
“การที่นายกรัฐมนตรีรวบ อำนาจการบริหารงานไว้ที่ตัวเองกลับยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น จึงแนะนำว่าควรคืนอำนาจให้กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ และเชื่อว่าถ้ากระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเอง จะสามารถครอบควบคุมโควิด-19 ได้ภายใน 3 เดือน”
ขณะเดียวกันนายแพทย์สุรพงษ์ ระบุอีกว่า ยังมองไม่เห็นว่า คนในคณะรัฐมนตรีคนใดที่จะสามารถมาเป็นผู้นำในการบริหารภาวะวิกฤต ที่บริหารงานข้ามกระทรวงในช่วงโควิด-19 นี้ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น