“สมศักดิ์” มอบ สสส. จับมือ สธ.-มท.-ศธ. ป้องกันยาเสพติด ใช้ชุมชนเป็นฐาน

หลังพบ 81% เป็นนักโทษยาเสพติด เตรียมจัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้แกนนำเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ เพื่อร่วมออกแบบแนวทางการปฏิบัติการป้องกันปัญหายาเสพติด




วันที่ 19 ก.พ. 2567 สมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เปิดเผยผลการประชุมกรรมการกองทุน สสส. ครั้งที่ 2/2567 ว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ.) ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐาน ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานระหว่างกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และ สสส. 


โดยใช้ต้นทุนการทำงาน พชอ. 878 อำเภอ เชื่อมกลไกการขับเคลื่อนงานด้วยแนวคิดการบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน หรือ กระบวนการชุมชนล้อมรักษ์(Community Based Treatment : CBTx) ของ สธ. และภาคีเครือข่าย สสส.ทั่วประเทศจัดทำแผนบูรณาการขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกมิติ สามารถบริหารจัดการดูแลผู้ใช้/ผู้เสพบางรายที่อาการไม่รุนแรงโดยไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล มีส่วนร่วมในการติดตามดูแลผู้ป่วยยาเสพติดมีอาการทางจิตที่ได้รับการบำบัดและอาการสงบเมื่อกลับคืนสู่ครอบครัว ตลอดจนช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพ เฝ้าระวังและป้องกันการกลับไปเสพซ้ำหรือป่วยซ้ำ 


โดยจะมีการจัดเวทีเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน 6 ภูมิภาค เพื่อถอดบทเรียนความสำเร็จ ผสานกับจุดแข็งของ สสส.ในการทำงานกับชุมชนเพื่อขยายผลพื้นที่อื่นต่อไป


ยาเสพติดเป็นหนึ่งในต้นเหตุปัญหาความยากจนของคนไทย เห็นได้ว่านักโทษส่วนใหญ่มากกว่า 81% หรือประมาณ 3.5 แสนคน เป็นนักโทษจากคดียาเสพติด แต่ศักยภาพของทัณฑสถานรองรับได้ประมาณ 2 แสนคน ทำให้เกิดปัญหานักโทษล้นคุก 


ขณะเดียวกันข้อมูลระบบบำบัดของประเทศไทยมีศักยภาพสามารถดูแลผู้ใช้ยาเสพติดได้ถึง 235,130 คน/ปี แต่ปัจจุบันมีผู้เข้ารับการบำบัดเพียง  53.23% ของศักยภาพการให้บริการ ซึ่งที่ผ่านการแก้ปัญหายาเสพติดจะเน้นไปที่การปราบปราม ออกกฎหมายยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด แต่จำเป็นต้องควบคู่ไปกับการบำบัดฟื้นฟู 


“ผมเชื่อว่ากลไก พชอ.ที่มีตัวอย่างรูปธรรมในหลายพื้นที่ จะช่วยหนุนเสริมกระบวนการบำบัดในระดับพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น และขอให้มีกลไกการกำกับติดตาม เพื่อดึงต้นแบบ พชอ.ประสบความสำเร็จมานำเสนอเป็นต้นแบบในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป” นายสมศักดิ์ กล่าว


นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์  ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานประชุมสัมมนาแกนนำเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อร่วมออกแบบแนวทางการปฏิบัติการป้องกันปัญหายาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ว่า สสส. สนับสนุนโครงการเครือข่ายภาคประชาชนสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติดและเสริมสร้างชุมชนสุขภาวะ ร่วมขับเคลื่อนงานป้องกันปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่หมู่บ้านชุมชนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ทำให้เกิดพื้นที่ต้นแบบที่สามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด 25 แห่ง ใน 48จังหวัด สามารถปกป้องลูกหลานไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงจรยาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม 


ที่สำคัญทำให้เกิดแกนนำ ซึ่งเป็นกลไกการขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งระดับชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ภูมิภาค และแกนนำเครือข่าย 5 ภูมิภาค จำนวน 2,683 คน  จากประสบการณ์และบทเรียนการทำงานในพื้นที่ของแกนนำต่าง ๆ นำไปสู่การพัฒนาองค์ความรู้การจัดการปัญหายาเสพติดไปขยายผลสู่พื้นที่ชุมชนอื่น ๆ ได้


หลักการสำคัญของการขับเคลื่อนงานป้องกันยาเสพติดในชุมชน ต้องมีฐานมาจาก 


1. พลังสังคม คือ กลไกภาคประชาชน ถือเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนงาน จึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้มีศักยภาพ และเท่าทันสถานการณ์ปัญหายาเสพติดที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว 


2. พลังวิชาการ คือ เครือข่ายวิชาการ เช่น ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ต้องพัฒนาข้อมูลเชิงวิชาการ พัฒนาองค์ความรู้ เพื่อนำไปใช้ขยายผลการทำงาน 


3.พลังนโยบาย คือ การนำบทเรียนจากการทำงานของกลไกภาคประชาชน และข้อมูลวิชาการ มาพัฒนาสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดทั้งในระดับพื้นที่และระดับชาติ


ด้าน ดร.สมคิด แก้วทิพย์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า ในอดีตแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจะเป็นลักษณะ “การใช้อำนาจบังคับ” กล่าวคือ ผู้มีอำนาจทางกฎหมายในการสั่งการ ตรวจเจอแล้วจับ ขณะที่ชุมชนก็มองว่าปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องปัจเจก ที่หากจะแก้ไขต้องแก้ที่บุคคล หรือเรียกว่า “ตัวใครตัวมัน” 


ขณะที่ตัวแบบใหม่ของโครงการฯ ที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ท่ามกลางแนวโน้มของปัญหายาเสพติดที่รุนแรงขึ้น คือเราพยายาม “สร้างพื้นที่ปลอดภัย” ที่ให้ทุกคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ทุกคนมองว่าเรื่องยาเสพติด เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน 


โดยขอยกตัวอย่างผลการประเมินและศึกษาพื้นที่ตัวแบบการสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติด ที่เห็นภาพชัดเจน คือ ที่สะเมิง จ.เชียงใหม่ พื้นที่เป็นการใช้ศิลปะในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย หรือเรียกว่า “ศิลปะสื่อสุข” ที่พบว่าสามารถป้องกันเด็กได้ 40 คน ป้องกันกลุ่มเสี่ยงได้ 30คน และเปลี่ยนจากผู้เสพให้เลิกได้ 6 คน

 



“การสร้างพื้นที่ปลอดภัย ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างหลายหลาย แต่มีหลักการสำคัญคล้าย ๆ กัน คือ มีพื้นที่ตรงกลาง เน้นรับฟัง ไม่ตัดสิน ไม่ตีตรา มอบโอกาส และสร้างความเข้าใจ มีกลไกที่ช่วยประสาน เชื่อมโยงภายในและภายนอกที่เหมาะสม เป็นต้น และสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการฯ สำเร็จ คือ สสส. ไม่ได้กำหนด ตัวชี้วัด ที่ไปสร้างกรอบให้ชุมชน แต่ให้ชุมชนดำเนินการตามศักยภาพของตัวเอง ทำให้ชุมชนมีอิสระในการดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.สมคิด กล่าว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!