เสนอ สปสช.ดันสิทธิประโยชน์ Harm Reduction Service Package

เพิ่มทางเลือกผู้เสพ ลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด ขณะที่ “ผอ.IHRI”  ชี้แนวทางการจัดการด้านสุขภาพควรจะมีทางเลือกมากกว่าการบังคับให้เลิกเสพ ด้าน “เลขาธิการ สปสช.” รับข้อเสนอไปพิจารณา แต่ต้องขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการให้ชัด ป้องกันการส่งเสริมใช้ยาเสพติด ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ 




เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 67 ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตัวแทนผู้ใช้สารเสพติด เครือข่ายภาคประชาสังคม และนักวิชาการ ยื่นข้อเสนอการดำเนินนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยให้ใช้แนวทางการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด หรือ Harm Reduction มาใช้ในการจัดบริการทางสุขภาพ บริการทางสังคม และบริการทางกฎหมาย แก่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานคณะกรรมการ สปสช.  


กุลกานต์ จินตกานนท์ ในฐานะตัวแทนผู้ยื่นข้อเสนอ ยอมรับว่ากับ #เก็บตกจากวชิรวิทย์ ว่าเป็นผู้ใช้ยาเสพติด และมีเพื่อนผู้ใช้ยาหลายคนที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะใช้ยาเกินขนาด เพราะไม่มีทั้งความรู้ในการใช้ยาอย่างปลอดภัย ไม่มี “นาล๊อกโซน” เพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที บางคนยังถูกกระทำความรุนแรง ถูกบังให้เข้ารับบำบัดทั้งที่เป็นเพียงผู้เสพ หรือครอบครองเพื่อเสพ ซึ่งรัฐบาลนี้มีนโยบาย ผู้เสพคือผู้ป่วยที่ต้องไปเข้ารับการบำบัด แต่ก็ควรมีทางเลือก สำหรับการบำบัดที่มากกว่าการส่งเข้า รพ.ธัญญารักษ์ พยายามทำให้เลิกเสพ แต่สุดท้ายก็ยังกลับมาเสพซ้ำ แถมเป็นการบำบัดที่ค่อนข้างทรมาน 


กุลกานต์ บอกว่า สิ่งที่ผู้ใช้สารเสพติดต้องการคือการสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษ ไม่ใช่การจับไปขัง หรือบังคับบำบัดพยายามทำให้หยุดหรือเลิกใช้สารเสพติด แต่สิ่งที่รัฐหรือผู้เกี่ยวข้องต้องทำก่อนที่จะให้พวกเราหยุดใช้สาร คือต้องทำให้พวกเราปลอดภัยก่อน เพราะเมื่อเราปลอดภัย จะสามารถใช้ชีวิตคิดถึงอนาคตตัวเองได้มากกว่าที่เป็นอยู่ 


นำมาสู่ข้อเสนอแนะให้ สปสช. พัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ Harm Reduction Service Package เป็นบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่สามารถเบิกจ่ายได้ อันประกอบด้วย 

  • บริการด้านการใช้สารโดยเฉพาะ เช่น การให้เข็มและอุปกรณ์ฉีดยาสะอาด 
  • การจัดการกรณีการใช้สารเสพติดเกินขนาดด้วยยานาล็อคโซน ที่เข้าถึงได้ในชุมชน 
  • บริการด้านสุขภาวะทางเพศ


ด้าน แพทย์หญิงนิตยา ภานุภาค พึ่งพาพงศ์ ผอ.บริหารสถาบันวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี (IHRI)  ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าในบรรดาจำนวนผู้เสพยาทั้งหมดจะมีเพียง 10% ที่มีปัญหาการเสพติดรุนแรงขณะที่อีก 90% ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งแนวทางการจัดการด้านสุขภาพควรจะมีทางเลือก มากกว่าการบังคับให้เลิกเสพ จึงสนับสนุนแนวทาง แนวทางการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด ที่เรียกว่า Harm Reduction




แพทย์หญิงนิตยา บอกด้วยว่ามีตัวยา 2 ชนิดที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการ Harm Reduction ซึ่งต้องบรรจุอยู่ในสิทธิประโยชน์ของ สปสช. 1. เมทาโดน เป็นสารทดแทนเฮโรอีน ใช้เพื่อบำบัดผู้เสพติดเฮโรอีน ให้ไม่ให้เกิดอาการลงแดงขณะเลิกเสพ และ 2.นาล็อคโซน เป็นตัวยาที่ใช้รักษาอาการเสพยาเกินขนาด โดยยาทั้งสองตัวนี้ควรจะให้ชุมชน หรือองค์กรภาคประชาสังคมที่เป็นหน่วยบริการ จ่ายยาเหล่านี้กับผู้เสพเอง ไม่จำกัดอยู่ในหน่วยบริการของรัฐ เพื่อสร้างความไว้ใจและให้ผู้เสพเข้าถึงบริการมากขึ้น 


“รัฐบาลนี้ระวังมากที่จะไม่ทำสงครามยาเสพติด จะไม่มีคนถูกฆ่าให้ตาย แต่การบังคับคนมาเข้าสู่การบำบัด มันก็อาจจะเป็นสงครามยาเสพติดอีกแบบหนึ่ง แต่เป็นภาพของด้านสุขภาพ แต่คุณยังจับคนทำโทษ บังคับคนมาเข้าสู่การบำบัด ”  ผอ.IHRI ระบุ


ด้าน นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เห็นด้วยกับข้อเสนอภาคประชาชน แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และมองว่าองค์กรที่จะเป็นผู้ให้บริการ แนวทาง Harm Reduction  จำเป็นต้องขึ้นทะเบียนมีตัวตนชัดเจนไม่ใช่ใครก็ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการส่งเสริมการใช้ยาเสพติด ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ 




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!