2 ปี ผู้ว่าชัชชาติฯ ระบบสุขภาพ กทม.ยังติดหล่มปัญหาใบส่งตัว

การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ กทม. เป็นหนึ่งในข้อเสนอของเครือข่ายปลุกกรุงเทพ ที่ยืนสมุดปกขาวต่อ “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ดูเหมือนว่ากำลังเผชิญกับข้อท้าทาย หลังผู้ป่วย กทม. สิทธิบัตรทอง มีปัญหาใบส่งตัว เกิดความยากลำบากในการไปหาหมอตามนัด 




เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2567 ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯ กทม. ชูความสำเร็จของนโยบายด้านสาธารณสุข ด้วยโครงการตรวจสุขภาพฟรี 1,000,000 คน ได้ทุกคน ไม่จำกัดสิทธิ์ ซึ่งจะเปิด ยาวไปถึงเดือนกันยายน 2567


แต่คำถามก็คือ ถ้าตรวจแล้วพบว่าป่วย จะส่งไปรักษาที่ไหนต่อ เพราะไม่ได้ติดตาม ว่าไปรักษาอย่างไร ขณะที่ผู้ป่วยกทม. ยังเผชิญกับปัญหาใบส่งตัว จากคลินิกชุมชนอบอุ่น 


ทว่า รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ก็ย้ำถึงความพยายามในการพัฒนาระบบสุขภาพให้คนกรุงเข้าถึงง่าย ใกล้บ้าน โดยในปีที่ 2 ของการทำงาน จะยกระดับศุนย์บริการสาธารณสุขให้ทันสมัย และสร้างใหม่อีก 21 แห่ง จากเดิมมีอยู่ 69 แห่ง


นิมิตร์ เทียนอุดม เครือข่ายภาคประชาชนปลุกกรุงเทพ ที่เคยยื่นสมุดปกขาว บอกว่า 2 ปี ผู้ว่าฯชัชชาติ ระบบสุขภาพ กทม. ยังไม่เข้มแข็ง หลังเจอปัญหาผู้ป่วยสิทธิบัตร ทอง กทม. ต้องขอใบส่งตัวไปโรงพยาบาล ขณะที่ศูนย์บริการสาธารณสุขก็ยอมไม่เปิดรับลงทะเบียนคนไข้สิทธิบัตรทองเพิ่ม


นิมิตร์ บอกด้วยว่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีการดำเนินโครงการ Sandbox ระบบสุขภาพ กทม. ซึ่งต้องชื่นชมในส่วนของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ที่ยกระดับการให้บริการ ทลายกำแพงข้ามสังกัด แต่ก็พัฒนาอยู่เพียงจุดเดียว ซึ่งอยากให้ทั่วกรุงเทพมหานครพัฒนาอย่างโรงพยาบาลราชพิพัฒน์


นอกจากนี้ยัง ไม่เห็นการยกระดับ ศูนย์บริการสาธารณสุข ให้เทียบเท่าโรงพยาบาลอำเภอ ซึ่งคนกรุงฯ ยังมีหน่วยบริการประจำตามสิทธิ์ ไม่เพียงพอ เมื่อเกิดปัญหาใบส่งตัว การแบ่งโซนสุขภาพ หรือ health zoning จึงล้มเหลว 


“ระบบสุขภาพ กทม. เป็นงานยาก และผู้ว่าฯชัชชาติก็มาเจอระบบราชการของ กทม. เมื่อเกียร์ว่างก็ ไปต่อไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ชัชชาติอยู่ 4 ปีก็ยังไม่เปลี่ยน” นิมิตร์ กล่าว 


แหล่งข่าวสำนักอนามัย กทม. เปิดเผย #เก็บตกจากวชิรวิทย์ ว่าทำไมศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) จึงไม่ยอมเปิดสิทธิ์รับผู้ป่วยบัตรทอง ที่ต้องการย้ายจากคลินิกชุมชนอบอุ่น เพราะ 1.สปสช.ต้องจัดหาโรงพยาบาลส่งต่อรองรับให้ก่อน เพราะ รพ.ในสังกัด กทม. มีเพียง 11 แห่งอาจไม่เพียงพอ  2.หากประชาชนย้ายสิทธิ์มาจำนวนมาก เกรงว่าจะรับไม่ไหว บุคคลากรไม่เพียงพอรองรับคนไข้จำนวนมากๆ ในคราวเดียว 


ด้าน นพ.อานนท์ กุลธรรมานุสรณ์ นักวิจัยระบบสาธารณสุขเขตเมือง สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ระบุว่า ดูข้อมูลเร็วๆ ศบส สังกัด กทม 69 แห่ง มีประชากร รวม 9 แสนคน จากประชากรบัตรทอง กทม 3.5 ล้านคน มีอยู่ 21 แห่งที่ ประชากรต่ำกว่า 10,000 ถ้ากำหนดให้ทุกที่รับขั้นต่ำ 1 หมื่น จะมีประชากรเพิ่มได้ 7 หมื่นคน


ถ้าคิดภาพรวม 69 ศบส มีสมมติฐานว่ามีหมอ 2 คนทุกแห่ง (รวม full และ part time) ควรรับประชากรได้ 1.4 ล้านคน ทั้ง กทม ยังมีเหลือที่เติมประชากร 5 แสนคน


5 แสนคน ถ้าคิดว่าได้เงิน UC ผู้ป่วยนอกหัวละ 1,000 กว่าบาท หักนู้นนี้ไปเหลือ 500 บาท ก็มีเงินไปเติมให้สำนักินามัย/ศบส อีก ปีละ 250 ล้าน ขณะที่ศบส. ที่มีประชากรต่ำสุด 1,600 คน ควรเพิ่มให้ขั้นต่ำ 10,000 คน รู้สึกเสียดายภาษี ค่าตึก หมอ พยาบาล รัฐลงทุนไปให้หมดแล้ว


ตอนนี้ ศบส. ทุกแห่งปิดรับลงทะเบียนบัตรทอง ทั้งๆที่เป็นหน่วยงานของรัฐควรจะไม่ปฏิเสธคนไข้ ถ้าจะช่วยคน กทม จริงควรเปิดช่องให้ประชาชนย้ายสิทธิ ถ้าประชาชนพอใจ ศบส. มากกว่าคลินิกก็ให้ย้ายมา ถ้าไม่พอใจ ศบส. จะย้ายไปคลินิกก็ย้ายออกได้” นพ.อานนท์ ระบุ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!