เครือข่ายกัญชาฯ ดีเดย์ 9 มิ.ย. นี้ปักหลักหน้าทำเนียบ ค้านดึงกลับบัญชียาเสพติด
ชี้หมื่นใบอนุญาตขาย ล้านใบอนุญาตปลูกทั่วประเทศ หวั่นโดนจับกุม รวบผลประโยชน์แสนล้านเข้ากลุ่มทุนธุรกิจยา จี้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชนกับภาครัฐเพื่อทำงานสำรวจวิจัยผลกระทบ
วันนี้ 28 พ.ค. 2567 เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำโดย ประสิทธิ์ชัย หนูนวล พร้อมด้วย มล.รุ่งคุณ กิติยากร อัครเดช ฉากจินดา และช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา รวมตัวกันบริเวณ อาคาร กพร. ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567
ประสิทธิ์ชัย ให้สัมภาษณ์ ถึงเหตุผลความจำป็นของการชุมนุมทวงสิทธิกัญชาสู่มือประชาชนว่า ไม่มีใครปฏิเสธการควบคุมกัญชาแต่จะควบคุมโดยการใช้กฎหมายยาเสพติดหรือกฎหมายเฉพาะในระดับพระราชบัญญัติ จะต้องทำการวิเคราะห์เครื่องมือว่าเครื่องมือใดที่มีประสิทธิภาพทั้งการใช้และการควบคุมรวมถึงรองรับการเปลี่ยนแปลงขอสถานการณ์ในอนาคตได้
เพราะเมื่อเราใช้กฎหมายยาเสพติด หมื่นใบอนุญาตขาย 1 ล้านใบอนุญาตปลูกทั่วประเทศ ก็หวั่นโดนจับกุม และจำกัดให้คนเฉพาะกลุ่มปลูกได้และคนเฉพาะกลุ่มเหล่านั้นก็นำกัญชาไปผลิตแปรรูปเพื่อขายให้กับประชาชน
กระทรวงสาธารณสุขอ้างว่าจะใช้กัญชาทางการแพทย์แต่เมื่อจัดให้กัญชาอยู่ในยาเสพติดจะทำให้ประชาชนซื้อกัญชาในราคาแพงที่ผลิตโดยบริษัทยาเพราะสามารถทำตามเงื่อนไขที่รัฐวางไว้ได้ปรากฎการณ์ในประเทศอังกฤษพบว่า กัญชาที่ถูกจ่ายโดยแพทย์ทำให้ประชาชนเข้าถึงไม่ได้
หากควบคุมกัญชาโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติจะทำให้สามารถออกแบบกลไกเชิงระบบตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ การแปรรูป และสามารถออกกติกาที่ยืดหยุ่นและรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตโดยเฉพาะมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค
แต่เหตุที่รัฐไม่เลือกควบคุมโดย พ.ร.บ.ก็เพราะว่ากฎหมาย พ.ร.บ.เป็นกฎหมายที่สามารถกำหนดสิทธิให้กับประชาชนไม่ผูกขาดกัญชาให้กับกลุ่มใดจึงไม่เป็นที่ปรารถนาของผู้ถืออำนาจรัฐที่มีหน้าที่กำหนดกติกาเอื้อนายทุนใหญ่
ประสิทธิชัย บอกว่าขอให้ใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยเป็นเงื่อนไขสำคัญในการกำหนดสถานะของพืชกัญชา โดยให้มีการจัดทำข้อมูลวิทยาศาสตร์ โดยการเปรียบเทียบคุณลักษณะสามประการของ ระหว่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่และกัญชา คุณลักษณะสามประการประกอบด้วย ข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ข้อเสียที่เกิดขึ้นกับสังคมและคุณสมบัติในการรักษาโรคหรือบำรุงร่างกาย หากพิจารณาเปรียบเทียบคุณสมบัติทั้งสามประการแล้วพบว่ากัญชาร้ายแรงกว่าในทุกมิติให้นำกัญชากลับไปควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติดแต่หากคุณสมบัติทั้งสามประการไม่ได้ร้ายแรงไปกว่าให้นำกัญชามาควบคุมโดยกฎหมาย พ.ร.บ.
เป้าหมายการชุมนุมของเครือข่ายเขียนอนาคตกํญชาไทยครั้งนี้ คือ ขอรัฐบาลให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชนกับภาครัฐเพื่อทำงานสำรวจวิจัยผลที่เกิดขึ้นหลังการปลดล็อกกัญชา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 หากผลการวิจัยพบว่าช่วงสองปีที่ผ่านมากัญชาก่อความร้ายแรงกับสังคมไม่ก่อประโยชน์ต่อสังคมทั้งในด้านเศรษฐกิจและสุขภาพก็ให้นำกัญชาไปควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด
แต่หากที่ผ่านมากัญชาใช้รักษาโรคที่โรงพยาบาลรัฐปฏิเสธการรักษาจนหายขาดและโรคพื้นฐานอื่นที่ดำเนินการรักษากันอยู่ทั่วประเทศเป็นประโยชน์ต่อภาวะทางสุขภาพของประชาชนก็ให้นำกัญชากลับคืนสู่ประชาชนด้วยการควบคุมโดยกฎหมายระดับ พ.ร.บ.จะควบคุมกัญชาในรูปแบบไหนขอให้ข้อมูลที่เกิดจากการวิจัยเป็นคำตอบ
“นับเป็นเรื่องแปลกของประเทศนี้ที่จะต้องให้ประชาชนลุกขึ้นบอกกับรัฐว่าจงใช้หลักการและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการกำหนดนโยบาย ปรากฎารณ์กัญชาเป็นอีกปรากฎการณ์หนึ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังเพลิดเพลินในอำนาจที่ได้มาเพื่อนำไปสู่การควบคุมผลประโยชน์ของประเทศครั้งใหม่ให้กลับไปอยู่ในมือของคนกลุ่มเดียวอีกครั้ง”
ประสิทธิชัย บอกว่า การชุมนุมครั้งนี้เปิดเผยธุรกิจของบริษัทยาที่มีกับกระทรวงสาธารณสุข ธุรกิจเหล้าเบียร์ที่กลไกรัฐไปรับใช้กลุ่มทุน และใครเป็นผู้ถือมูลค่าในธุรกิจกัญชาและได้ประโยชน์จากเกมส์การนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด และเงื่องำอื่นใดที่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยต้องการควบคุมกัญชา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น