สมศักดิ์ จ่อล้วงเงินบาป กองทุนยาเสพติด ปปส. มาบำบัดผู้เสพ

สั่งที่ปรึกษารัฐมนตรีร่างระเบียบกฎหมาย ใช้เงินที่ได้จากการยึดทรัพย์ในกองทุนยาเสพติด มาบำบัดผูู้เสพ เล็งเปลี่ยนชื่อ ”กรมสุขภาพจิต“​เป็น ”กรมสุขภาพจิตและยาเสพติด“ ด้าน เลขาธิการ ปปส. ไม่ออกความเห็น ชี้เจตนากองทุนฯ เพื่องานป้องกันและปราบปราม 




เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย. 2567) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายยาเสพติดเวลานี้ว่า ผู้เสพ 1 เม็ดต้องระบุผู้ขายนั้น เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ต้องมีการสอบสวนให้ลึกว่า ซื้อมาจากไหน ซึ่งจะได้ทั้งผู้เสพไปบำบัด และผู้ขายรายย่อย ที่จะนำไปขยายผลยึดทรัพย์ด้วย 


นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนได้แก้กฎหมายประมวลยาเสพติด เพื่อเน้นการยึดอายัดทรัพย์ ในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพราะในอดีตไม่ได้ทำงานเชิงรุก ตั้งรับอย่างเดียว ซึ่งในแต่ละปีสามารถยึดทรัพย์ได้ไม่ถึง 20 ล้านบาท ทั้งที่แหล่งผลิตต้นทางมีมูลค่าถึง 7 หมื่นล้านเหรียญ ตนจึงมองว่า การแก้ยาเสพติด ถ้าตั้งรับอย่างเดียวจะเหนื่อยมาก จึงมีการเปลี่ยนแนวทางเน้นการยึดทรัพย์ ให้รางวัลคนแจ้งเบาะแส 5% รวมเปลี่ยนแนวทางการทำคดี ผู้เสพเหลือ 1 เม็ด แต่ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า เป็นผู้เสพ พร้อมบอกว่าซื้อจากใคร ซึ่งก็จะได้ 1 ผู้เสพ และ 1 ผู้ขาย


เมื่อถามถึงเงินที่สามารถยึดทรัพย์ได้จะนำไปใช้อะไรบ้าง นายสมศักดิ์ บอกว่า เงินที่สามารถยึดทรัพย์ได้ ป.ป.ส.จะรวมเป็นกองทุนยาเสพติด แต่ยังไม่ได้นำงบประมาณมาใช้ในด้านจิตเวช ซึ่งกำลังทำกฎหมาย ให้สามารถนำงบประมาณจากกองทุนยาเสพติด มาสนับสนุนการบำบัดผู้ติดยาเสพติดได้ โดยได้มอบหมาย วิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข ทำงานในด้านข้อกฎหมาย ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนชื่อ  “กรมสุขภาพจิต“  เติมยาเสพติดไปอีกได้ไหมเป็น “กรมสุขภาพจิตและยาเสพติด” เพื่อให้สอดคล้องเกี่ยวกับกองทุนยาเสพติด ซึ่งได้จากการยึดทรัพย์ มาใช้กับการบำบัดและซื้อยาให้กับผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติด ด้วย


ทั้งนี้มีรายงานว่า รมว.สธ. ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 999/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของกรมสุขภาพจิต เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหาเป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของกรมสุขภาพจิตในการบำบัดดูแลผู้ป่วยยาเสพติดมากขึ้น


#เก็บตกจากวชิรวิทย์ สอบถามเรื่องนี้กับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ถึงภาพรวมของการยึดทรัพย์คดียาเสพติดในปัจจุบัน ได้รับคำตอบว่า ปัจจุบันมีมูลค่าการยึดทรัพย์มากถึง 8,000 ล้านบาท แต่ศาลอนุมัติให้ยึดได้แล้ว 4,000 ล้านบาท กรณีกรณีที่มีการใช้เงินจากกองทุนยาเสพติดไปใช้บำบัดผู้ป่วยจิตเวชนั้นยังไม่มีความเห็น แต่หลักการของกองทุนยาเสพติดคือใช้เพื่องานป้องกันและปราบปราม ขณะที่ที่ผ่านมาได้มีการนำเงินในกองทุนนี้โอนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อดำเนินกิจกรรมในการบำบัดผู้เสพยาในชุมชน หรือชุมชนล้อมรักษ์ จังหวัดละ 1-2 ล้านบาทมาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว


เมื่อถามย้ำว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากจะนำเงินจากกองทุนยาเสพติดมาบำบัดผู้ป่วยจิตเวช เลขาธิการ ปปส. ตอบว่า ตนไม่มีความเห็น เนื่องจากเป็นข้าราชการประจำ แล้วแต่ผู้กำหนดนโยบาย 





สำหรับข้อมูลปี 2566 ประเทศไทย มีผู้ป่วยยาเสพติดประมาณ 1,900,000 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 


1.ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง ซึ่งมีอาการรุนแรง หรือ ผู้ติดยาเสพติด 38,000 คนหรือประมาณ 2% 

2.ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง หรือผู้เสพ 450,000 คน หรือประมาณ 24%

3.ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว หรือผู้ใช้ยาเสพติด 1,400,000 คน หรือประมาณ 74% 


โดยชุมชนล้อมรักษ์ หรือ CBTx เป็นกระบวนการสำคัญ ที่ช่วยการดูแลสนับสนุน และฟื้นฟูผู้ป่วยที่ต้องการเลิกยาเสพติด ผ่านการมีส่วนร่วมของชุมชน


ที่ผ่านมา มีชุมชนซึ่งเป็นฐานในการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด ประมาณ 10,000 แห่ง และเมื่ออาการดีขึ้น สามารถส่งต่อไปยังศูนย์ฟื้นฟูสถานภาพทางสังคม กระทรวงมหาดไทย 3,258 แห่ง เพื่อรับไปดูแล คืนคนดีสู่สังคม และมีกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ หรือ พชอ. เป็นกำลังสำคัญ ร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ป้องกันยาเสพติด 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“คลินิกชุมชนอบอุ่น” ยันได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวบัตรทอง 10 บาท จริง!