เครือข่ายปกป้องสิทธิฯ ยื่นฟ้องรัฐบาล! ยกเลิกแผนแม่บทแร่ฉบับที่ 2
เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง 13 พื้นที่ ยื่นฟ้องศาลปกครองเรียกร้องให้ยกเลิกแผนแม่บทแร่ฉบับที่ 2 ชี้ประชาชนไม่มีส่วนร่วม และข้อมูลไม่ครบถ้วน ขณะเดียวกันชาวบ้านสะท้อนผลกระทบจากนโยบายแร่ ทำลายสิ่งแวดล้อม-วิถีชีวิตชุมชน ซ้ำเติมภาวะโลกเดือด โยงน้ำท่วม-ดินสไลด์
วันนี้ (26 พ.ย. 67) เครือข่ายนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจาก 13 พื้นที่ พร้อมทนายความจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ เพื่อขอให้ศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ฉบับที่ 2 เนื่องจากขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการจัดทำเขตแหล่งแร่ใหม่โดยกันพื้นที่สำคัญ เช่น แหล่งน้ำซับซึม ป่าสงวน และพื้นที่โบราณสถาน ออกจากเขตทำเหมือง
ตัวแทนจากหลายพื้นที่ได้ร่วมกันสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำเหมือง เช่น การทำลายสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และแหล่งน้ำที่ใช้ทำการเกษตร รวมถึงการทำลายแหล่งโบราณสถานสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ที่ชาวบ้านต้องเผชิญกับผลกระทบจากเหมืองแร่ฟลูออไรต์และโปแตช ซึ่งสร้างความเสียหายต่อแหล่งน้ำใต้ดินและพื้นที่เกษตรกรรม
สุทธิเกียรติ คชโส ทนายความจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ทนายความ บอกว่า การจัดทำแผนแม่บทครั้งนี้ใช้ข้อมูลเก่าที่ไม่ครอบคลุมและไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุให้ประชาชนต้องรวมตัวกันยื่นฟ้องเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของตน
พื้นที่ที่มีปัญหากับหน่วยงานรัฐมากที่สุด คือ ป่าต้นน้ำ แหล่งน้ำซับซึม หน่วยงานให้เหตุผลว่าไม่สามารถที่จะให้คำนิยามได้ ใครก็ไม่สามารถให้คำนิยามได้เพราะพื้นที่ทั่วประเทศมีระบบนิเวศแตกต่างกัน ชุมชนนิยามคำว่าพื้นที่ป่าต้นน้ำและป่าน้ำซับซึมแตกต่างกัน
หน่วยงานรัฐไม่เคยลงมาสำรวจพื้นที่ใหม่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแร่ 2560 มันก็เลยเป็นปัญหาว่า แทนที่หน่วยงานรัฐควรที่จะคำนึงถึงดุลยภาพทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน มันกลับจะทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมตามที่ชาวบ้านได้พูดไป
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมสุขภาพประชาชน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้ว จึงทำให้ชุมชนที่เข้าร่วมฟ้องในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยพื้นที่ที่ยังไม่ได้ทำเหมือง ซึ่งบางพื้นที่ยังเป็นคำขอ พื้นที่ได้อาชญาบัตร พื้นที่ที่ได้รับประทานบัตรแล้วและเกิดผลกระทบแล้ว และปัจจุบันก็ยังเกิดผลกระทบอยู่ เช่น ด่านขุนทด เป็นต้น ซึ่งหน่วยงานรัฐก็ไม่ได้มีการตรวจสอบและยังคงกำหนดให้พื้นที่เหล่านี้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง
อีกทั้งยังมีพื้นที่ทำเหมืองไปแล้ว เหมืองปิดไปแล้ว และอยู่ระหว่างการฟื้นฟู ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ไม่สมควรกำหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองต่อไปอีกแล้ว แต่ก็ยังถูกกำหนดในแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง เหมือนเป็นการไปซ้ำเติมชุมชนที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วให้มากกว่าเดิมและสิ่งที่ควรจะคำนึงถึงคือมาตรา 17 นั้นก็ไม่มี
ด้าน สมบูรณ์ คำแหง ตัวแทนเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ บอกว่า พี่น้องในชุมชนหลายแห่งได้ออกมาเรียกร้องสิทธิในการปกป้องทรัพยากรของตนเอง เพราะรัฐยังคงยกทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ให้เอกชนเข้ามาทำลาย เช่น การระเบิดภูเขาและการทำเหมืองที่ทำให้ป่าสมบูรณ์สูญหาย ส่งผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์มานิที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ภาคเอกชนและนักการเมืองยังคงใช้เรื่องคาร์บอนเครดิตและการสร้างพื้นที่สีเขียวเป็นข้ออ้าง ทั้งที่เห็นผลกระทบจากโลกร้อนชัดเจนแล้ว เช่น น้ำท่วมและดินสไลด์
ชาวบ้านได้เรียกร้องให้ยกเลิกแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ฉบับที่ 2 เนื่องจากพบความฉ้อฉลในการให้สัมปทานเหมืองที่เอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุน โดยแผนแม่บทใหม่นี้เปิดโอกาสให้ขยายพื้นที่ทำเหมืองเพิ่มขึ้น แม้จะมีปัญหาในการบริหารจัดการ ชาวบ้านบางพื้นที่ต่อสู้มายาวนานกว่า 10-20 ปี และได้สร้างคนรุ่นใหม่ให้สานต่อการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ฟ้องคดีในครั้งนี้เป็นตัวแทนจากเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองและได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 จากภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้ จำนวน 13 พื้นที่ ได้แก่
-กลุ่มรักษ์ดงลาน กรณีเหมืองหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น
-กลุ่มอนุรักษ์ภูเต่า กรณีเหมืองหินทราย เพื่ออุตสาหกรรม จังหวัดมุกดาหาร
-กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร กรณีเหมืองหินทรายเพื่ออุตสาหกรรม
-กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส กรณีเหมืองแร่โปแตส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร
-เครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ภูซำผักหนาม กรณีเหมืองหินปูนเพื่ออุตสาหกรรม อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ
-กลุ่มอนุรักษ์เขาหินจอก อ.ปะเหลียน จ.ตรัง กรณีเหมืองหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน
-กลุ่มรักษ์เขาโต๊ะกรัง ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล กรณีเหมืองหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน
-กลุ่มรักษ์ลุ่มน้ำลา แม่ลาน้อย กรณีเหมืองแร่ฟลูออไรต์ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน
-กลุ่มเฝ้าระวังอมก๋อย เหมืองแร่ถ่านหิน อมก๋อยเชียงใหม่
-กลุ่มรักษ์บ้านแหง จ.ลำปาง กรณีเหมืองถ่านหินลิกไนต์
-กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด จ.นครราชสีมา (โปแตช)
-กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได จ.หนองบัวลำภู (หินปูน)
-กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จ.เลย (ทองคำ)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น