นายแพทย์ สสจ.สุรินทร์เผยแผนรับมือวิกฤตชายแดน เร่งฟื้นฟูสุขภาพกาย–ใจในศูนย์อพยพ

เดินหน้าระบบเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยข้ามพื้นที่ เร่งประสาน รพ.สต.–โรงพยาบาลหลัก ดูแลต่อเนื่องในศูนย์อพยพ ตั้งทีมแพทย์ประจำศูนย์–หน่วยแพทย์สนามรองรับบริการเบื้องต้น ควบคุมโรค สุขาภิบาลเข้มทุกจุด แม้ รพ.ปิดบริการ 5 แห่ง




วันนี้ (28 ก.ค. 2568) ท่ามกลางสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์เดินหน้าจัดการระบบสาธารณสุขในศูนย์อพยพชั่วคราว ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมย้ำแนวทางการดูแลประชาชนแบบต่อเนื่อง แม้โรงพยาบาลจะปิดบริการไปแล้วหลายแห่ง ขณะที่ ผู้ว่าฯสุรินทร์ ประกาศเขตภัยพิบัติสงคราม เป็นจังหวัดแรก ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเข้าบริเวณพื้นที่เสี่ยงตามที่จังหวัดประกาศ และให้ชาร์จแบตมือถือให้เต็ม อย่าปิดเครื่องเตรียมรับข้อมูลจาก Cell Boardcast Service ตลอด24 ชั่วโมง 


#เก็บตกจากวชิรวิทย์ ลงพื้นที่ศูนย์อพยพแห่งหนึ่งใน อ.เมืองสุรินทร์ พบกับหญิงสูงวัยรายหนึ่งที่ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะต้องเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเข็มที่ 3 ตามนัดแพทย์ แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปรับวัคซีนต่อได้ที่ไหน หลังจากย้ายจากพื้นที่ อ.กาบเชิง ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอถูกสั่งปิดบริการชั่วคราว




กรณีนี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนว่าระบบสาธารณสุขจะรับมือกับการดูแลประชาชนที่ต้องรับบริการต่อเนื่องได้หรือไม่


ใช้บัตรประชาชนดึงข้อมูลรักษา–วัคซีนต่อเนื่องในศูนย์อพยพ


นพ.ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ #เก็บตกจากวชิรวิทย์ ว่า กรณีผู้ที่ต้องรับวัคซีนหรือยารักษาโรคเรื้อรังต่อเนื่อง เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคประจำตัว สำนักงานสาธารณสุขใช้ระบบเชื่อมโยงข้อมูลผ่านบัตรประชาชนกับฐานข้อมูลของโรงพยาบาลทั่วจังหวัด เพื่อให้สามารถตรวจสอบและให้บริการต่อได้อย่างราบรื่น แม้ผู้ป่วยจะอพยพมาอยู่ศูนย์พักพิง


“เราสามารถดึงข้อมูลการรักษาและนัดหมายจากระบบกลางมาใช้ต่อได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ศูนย์ไหนก็ตาม”  นพ.ยุทธนา กล่าว 


กรณีวัคซีนไม่ครบ ยาหมด หรือผู้ป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์เฉพาะทาง จะมีทั้งการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปลายทาง หรือหากมีศักยภาพพอ จะจัดบริการภายในศูนย์อพยพโดยตรง



โรงพยาบาล 5 แห่งปิด–ผู้ป่วย-บุคลากรโยกย้ายตามแผนรับมือ


จากสถานการณ์ชายแดนที่ทวีความรุนแรง ทำให้โรงพยาบาลใน จ.สุรินทร์ ต้องปิดให้บริการชั่วคราวแล้ว 5 แห่ง ได้แก่

โรงพยาบาลพนมดงรัก

โรงพยาบาลกาบเชิง

โรงพยาบาลปราสาท

โรงพยาบาลสังขะ

โรงพยาบาลบัวเชด


นพ.ยุทธนา ยืนยันว่า ผู้ป่วยและบุคลากรจากโรงพยาบาลที่ปิด ได้อพยพตามแผนความปลอดภัย พร้อมจัดสรรกำลังเข้าสนับสนุนโรงพยาบาลที่ยังเปิด เช่น โรงพยาบาลสุรินทร์ โรงพยาบาลรัตนบุรี หรือหน่วยแพทย์สนามในศูนย์อพยพขนาดใหญ่ โดยแพทย์และบุคลากรจากโรงพยาบาลที่ปิด จะถูกส่งสมทบกับทีมในโรงพยาบาลปลายทางอย่างเป็นระบบ



รพ.สต.–ทีมมินิเมดประจำศูนย์ ดูแลโรคเรื้อรัง–บริการเบื้องต้น


สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จาก รพ.สต. ในพื้นที่ที่อพยพประชาชน ย้ายตามมาอยู่ประจำศูนย์อพยพ โดยดูแลสุขภาพประชาชนที่เป็นผู้ป่วยในความรับผิดชอบเดิม เช่น โรคเรื้อรัง ความดัน เบาหวาน การรับยาต่อเนื่อง ฯลฯ


“เจ้าหน้าที่ รพ.สต. คือพี่น้องที่อพยพมาพร้อมกับประชาชน และยังคงทำหน้าที่ดูแลกันเหมือนเดิม”  นพ.ยุทธนา กล่าว 


ขณะเดียวกัน ยังได้ตั้ง “ทีมแพทย์มินิเมด” (Mini-Medical Team) ให้บริการในศูนย์อพยพขนาดใหญ่ และได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลระดับชาติ เช่น โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลตำรวจ ที่ส่งแพทย์และอุปกรณ์ร่วมให้บริการอย่างต่อเนื่อง



ควบคุมโรคเข้มในศูนย์อพยพ – ยังไม่พบโรคระบาด


ด้านการควบคุมโรค จังหวัดสุรินทร์จัดทีม CDCU (Communicable Disease Control Unit) ลงพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อ โดยประสานการทำงานร่วมกับศูนย์อพยพในแต่ละแห่ง พร้อมจัดทีมสุขาภิบาลดูแลความสะอาด อนามัยสิ่งแวดล้อม และระบบน้ำเสีย


โรคที่ต้องเฝ้าระวังในศูนย์อพยพ ได้แก่

โรคติดต่อที่นำโดยแมลง เช่น ไข้เลือดออก

โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด

โรคทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อุจจาระร่วง


แม้ในขณะนี้ยังไม่มีรายงานการระบาด แต่มีผู้ป่วยเล็กน้อยในบางจุด ซึ่งได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว



ทีมจิตเวช MCATT–จิตแพทย์เด็ก ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจ


ท่ามกลางภาวะสูญเสียและความเครียดของประชาชนในศูนย์อพยพ ทีม MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) ของทุกอำเภอใน จ.สุรินทร์ รวม 17 ทีม ได้ระดมกำลังเข้าดูแลจิตใจประชาชน โดยเฉพาะญาติผู้สูญเสียและกลุ่มเด็กเปราะบาง มีการจัดกิจกรรมคลายเครียด และคัดกรองปัญหาสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับการสนับสนุนจากจิตแพทย์จากเขตสุขภาพ และหน่วยงานส่วนกลาง


“สถานการณ์ที่ชายแดนคือความไม่แน่นอน แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้คือ ระบบสาธารณสุขของเราพร้อมดูแลพี่น้องทุกคน ทั้งกายและใจ” นพ.ยุทธนา



ยอดผู้ได้รับผลกระทบล่าสุด 52 คนบาดเจ็บ 4 ระดับ


ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข รายงานข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ฝั่งพลเรือน ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.30 น. ดังนี้


เสียชีวิต 14 คน

บาดเจ็บสาหัส 12 คน

บาดเจ็บปานกลาง 13 คน

บาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน

รวม 52 คน (เพิ่มจากเมื่อวาน 3 คน เหตุเกิดใน จ.ศรีสะเกษ)


ขณะนี้ มีผู้ป่วยยังพักรักษาในโรงพยาบาล 16 คน อีก 9 คนอาการดีขึ้นและกลับบ้านแล้ว


สถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบรวม 19 แห่ง

ปิดบริการทั้งหมด 12 แห่ง (เพิ่ม รพ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์)

ปิดบริการบางส่วน 7 แห่ง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมอมานพ แจงยิบ! เงื่อนไขใหม่ “มะเร็งรักษาทุกที่” ทำไมต้องมีใบส่งตัว

บัตรทอง ใช้งบผิดทาง ปลายปิดกับรพ.ใหญ่ ปลายเปิดกับร้านยา

“โรงพยาบาลท่าตูม” แนวรับด่านใหม่ – รองรับผู้ป่วยชายแดนกว่า 170 ราย หลัง รพ.แนวปะทะต้องปิดบริการ