“สืบสกุล” เสนอ 10 ข้อเรียกร้อง รัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหา “มลพิษแม่น้ำกก” ภายใน 4 เดือน
ชี้ ปิดเหมืองแร่เมียนมาคือการแก้ที่ต้นเหตุ เรียกร้องจัดหาแหล่งน้ำใหม่ ตั้งศูนย์ตรวจสารโลหะหนักเชียงราย–เชียงใหม่ ย้ำรัฐบาลต้องเปิดเจรจากับเมียนมา–จีน เพื่อร่วมรับผิดชอบผลกระทบ ค้านสร้างฝายดักตะกอน
จากกรณีปัญหา แม่น้ำกกปนเปื้อนสารโลหะหนัก ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพ น้ำ การเกษตร และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่
อ.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ระบุว่า รัฐบาลสามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันทีภายใน 4 เดือน โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญ 10 ข้อ เพื่อจัดการปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา
อ.สืบสกุล ย้ำว่า เป้าหมายหลักของประชาชนยังคงยืนยันชัดเจนว่า “การปิดเหมืองแร่ในเมียนมา” คือทางออกในการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ และ “การฟื้นฟูลุ่มน้ำกก–สายรวก–โขง” คืองานระยะยาวที่ต้องทำต่อเนื่อง
ข้อเสนอ 10 ข้อเร่งด่วน ภายใน 4 เดือน
1. จัดหาแหล่งน้ำใหม่ สำหรับผลิตน้ำประปาหมู่บ้านใน ต.แม่นาวาง และ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่ไม่สามารถใช้น้ำกกได้แล้ว
2. ตรวจสอบคุณภาพดิน กว่า 12,000 ไร่สองฝั่งแม่น้ำกก ใน อ.แม่อาย เพื่อหาสารโลหะหนัก เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นแหล่งเกษตรกรรมสำคัญ
3. จัดหาแหล่งน้ำดิบใหม่ สำหรับการประปาส่วนภูมิภาค ที่ผลิตน้ำประปาให้ประชาชนกว่า 55,000 ราย รายในเขตอ.เมือง เวียงชัย แม่สาย เชียงแสน และเชียงของ หลังตรวจพบสารหนูและแบเรียมในน้ำ
4. ตรวจสารโลหะหนักในข้าวนาปี 100,000 ไร่ ก่อนเก็บเกี่ยว หากพบการปนเปื้อน รัฐต้องชดเชยเกษตรกร หากไม่พบ ต้องออกเอกสารรับรองผลผลิต
5. ตั้งศูนย์ตรวจสารโลหะหนัก ประจำจังหวัดเชียงราย–เชียงใหม่ เพื่อเฝ้าระวังน้ำ ดิน ผลผลิตการเกษตร สัตว์น้ำ และสุขภาพคน
6. ปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน 30 แห่ง ในเชียงราย–เชียงใหม่ ให้สามารถกำจัดโลหะหนักในกระบวนการผลิต
7. ยุตินำเข้าแร่จากเมียนมา จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหมืองที่ก่อมลพิษ
8. ยกเลิกโครงการสร้างฝายดักตะกอน ที่ไม่มีการพิสูจน์ทางวิชาการว่าจะแก้ปัญหาได้จริง และก่อผลกระทบต่อที่ดินทำกินและสิ่งแวดล้อม
9. ตั้งคณะทำงานร่วม รัฐ–วิชาการ–ประชาชน เพื่อดูแลการปิดเหมือง เฝ้าระวังมลพิษ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และฟื้นฟูลุ่มน้ำกก
10. เปิดเวทีเจรจาอย่างเป็นทางการกับเมียนมาและจีน เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศรับผิดชอบต่อผลกระทบจากการทำเหมืองแร่
อ.สืบสกุล ระบุว่า หากรัฐบาลใหม่จริงจังกับการแก้ไขปัญหา ประชาชนจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้ภายในไม่กี่เดือน แต่หากยังปล่อยปละละเลย ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในเมียนมาจะยิ่งซ้ำเติมความเดือดร้อนของชุมชนริมแม่น้ำ และสร้างความเสี่ยงระยะยาวต่อความมั่นคงด้านน้ำ อาหาร และสุขภาพของคนไทย
เครือข่ายประชาชนชี้ รัฐบาลยังไร้ทิศทางแก้ปัญหามลพิษแม่น้ำกก หวั่นกระทบสิทธิเด็ก-สุขภาพชุมชน
อ.สืบสกุล ในฐานะเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก-สาย-ลวก-โขง ให้สัมภาษณ์ #เก็บตกจากวชิรวิทย์ เมื่อเร็วๆนี้ ว่า ความคืบหน้าภายในประเทศที่เห็นชัดคือ การเปิดเพจ Facebook ของภาครัฐเพื่อสื่อสารสถานการณ์คุณภาพน้ำ แต่เนื่องจากเนื้อหาถูกโพสต์ปะปนกับประเด็นอื่น เช่น น้ำท่วมและน้ำแล้ง ทำให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสารปนเปื้อนสูญเสียความชัดเจนไป อีกหน่วยงานที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่องคือ กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งตรวจคุณภาพน้ำเดือนละ 2 ครั้ง และตรวจตะกอนดินเดือนละครั้ง พร้อมเผยแพร่ผลอย่างเป็นระบบในเว็บไซต์ ให้ประชาชนเข้าถึงได้ ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหายังคงอยู่ที่ กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงเกษตรฯโดยสาธารณสุขยังขาดความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล ใช้เพียง Facebook เป็นช่องทางรายงาน และไม่ให้รายละเอียดเพียงพอ ส่วนกระทรวงเกษตรฯ ยังไม่เห็นแผนรองรับผลกระทบในพื้นที่เกษตรกว่า 100,000 ไร่ โดยเฉพาะนาข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวในช่วงตุลาคม–พฤศจิกายนนี้
ด้านการเฝ้าระวังสุขภาพ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงถูกตรวจเพียงไม่กี่สิบราย โดยพบสารหนูในร่างกายเด็กและชาวบ้านบางส่วน แม้ไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่สะท้อนการสะสมที่เกิดขึ้นแล้ว อาจารย์สืบสกุลชี้ว่า สิ่งนี้เกี่ยวพันกับ สิทธิเด็กโดยตรง เพราะเด็กควรมีสิทธิในการเติบโตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย อีกทั้งการตรวจยังไม่ละเอียดพอ เนื่องจากยังไม่สามารถแยกชนิดสารหนูอินทรีย์และอนินทรีย์ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพแตกต่างกัน
ในมิติระหว่างประเทศ ปัญหาที่ต้นเหตุมาจากเหมืองในเมียนมา แต่รัฐบาลไทยยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา มีเพียงถ้อยแถลงเตรียมการ ทำให้เครือข่ายประชาชนยังไม่เห็นความมุ่งมั่นจริงจังของรัฐไทย
“เรายังหวังว่าสักวันแม่น้ำกกจะกลับมาสะอาด เด็ก ๆ จะได้เล่นน้ำอย่างปลอดภัยเหมือนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่วันนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าความหวังนั้นจะเกิดขึ้นจริง”
อาจารย์สืบสกุลกล่าว พร้อมย้ำว่าปัญหามลพิษข้ามพรมแดนไม่ใช่เพียงเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เป็น ความมั่นคงรูปแบบใหม่ ที่เกี่ยวพันกับสิทธิและคุณภาพชีวิตของคนริมฝั่งโขงโดยตรง
#นักข่าวสาธารณสุข #เก็บตกจากวชิรวิทย์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น