เตือน HIV ระบาดหนักในกลุ่มวัยรุ่น – เปิดแจกถุงยางไม่จำกัด หวังลดพฤติกรรมเสี่ยง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เตือนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ HIV กลับมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน วัยเรียน วัยรุ่น พร้อมเร่งรณรงค์ใช้ถุงยางอนามัย และเปิดให้สถานศึกษารับไปแจกจ่ายโดยไม่จำกัดจำนวน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างร่วมกิจกรรมรณรงค์ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ HIV ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
“ทุกคนมีความต้องการทางเพศ แต่หลายคนไม่ได้ป้องกันตัวเอง ไม่ใช้ถุงยาง ทำให้เสี่ยงติดโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ที่พบอัตราเพิ่มขึ้นชัดเจน เราจึงต้องรีบแก้ปัญหานี้ตั้งแต่ต้นทาง” นายสมศักดิ์กล่าว
พร้อมกันนี้ สธ. ได้เปิดให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถขอรับถุงยางอนามัยจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้โดยไม่จำกัดจำนวน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับนักเรียน นักศึกษา หรือเยาวชนกลุ่มเสี่ยง โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนของผู้รับ
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นผลจากการที่ประชาชนมีการเข้าถึงการตรวจมากขึ้น ผ่านชุดตรวจ HIV ด้วยตนเองที่กระจายสู่กลุ่มเสี่ยงอย่างกว้างขวางมากขึ้น
“ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น อาจไม่ได้สะท้อนการระบาดโดยตรง แต่อาจเป็นเพราะเราค้นพบมากขึ้น จากความตื่นตัวและความสามารถในการตรวจด้วยตนเองที่เข้าถึงได้ง่าย” นพ.จเด็จกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพฤติกรรมยังเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะค่านิยมของวัยรุ่นในปัจจุบัน ที่เปิดรับเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น แต่ยังมีอุปสรรคเรื่องความอายและการไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ซึ่งทำให้การเข้าถึงถุงยางอนามัยหรือบริการคัดกรองสุขภาพทางเพศยังไม่เต็มที่
ทั้งนี้ สปสช. ยืนยันว่า การแจกถุงยางอนามัยสามารถทำได้โดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชนหรือระบุตัวตน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางจิตใจของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมย้ำว่า “ถุงยาง 100%” ยังคงเป็นมาตรการที่ได้ผลที่สุดในการป้องกัน HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปัจจุบัน
รมช.สาธารณสุข ป้ายแดง แจงวุฒิสภา ยอมรับ กลุ่มเยาวชน ติดเชื้อ HIV เพิ่มมากขึ้น จ่อทำเอ็มโอยู สถานศึกษา แจกถุงยางอนามัย-ให้ความรู้มีเพศสัมพันธ์ถูกต้อง-ป้องกันติดเชื้อ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ก.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วาระกระทู้ถามด้วยวาจา ของนายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สว. เรื่องปัญหาและแนวโน้มสูงขึ้นของผู้ติดเชื้อ เอชไอวี ในไทย ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขมีแนงทางป้องกันและประชาสัมพันธ์อย่างไร โดยเน้นคุณภาพที่สามารถแก้ปัญหาได้ในอนาคต
กระทรวงสาธารณสุขเสียงบประมาณในแต่ละปี ทำโครงการรณรงค์การป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหน และเสียงบประมาณเท่าไหร่ในการแก้ไขดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี และต่อคนต้องใช้งบเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ และจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวี รายใหม่ในไทย รวมยอดผู้ติดเชื้อ และต่างด้าวที่ติดเชื้อเอชไอวีมีจำนวนเท่าไหร่ เพราะปัจุจบันเราต้องเสียเงินจำนวนมากให้กับต่างด้าวที่ติดเชื้อ
นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข ชี้แจงว่า ยอมรับว่ามีตัวเลขของผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าเป็นสัดส่วนของเยาวชน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข เตรียมทำบันทึกความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อแจกถุงยางอนามัย ให้ความรู้ต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข มีเป้าว่าการติดเชื้อใหม่ต้องไม่เกิน 1,000 รายต่อปี และการเสียชีวิต ต้องไม่เกิน 4,000 ต่อปี ซึ่งตัวเลขการติดเชื้อและการรักษาที่พบนั้นเป็นตัวเลขที่สะสม ดังนั้นที่บอกว่ามีตัวเลขคนติดเชื้อเพิ่ม 8,000 รายนั้น ตนมองว่าหากพิจารณาในครึ่งปีหลังจะมีตัวเลขไม่ถึง 3,000 รายแน่นอน
“ผมยอมรับว่าตัวเลขโดยรวมลดลง แต่ที่มีเพิ่มขึ้น คือ จากกลุ่มเยาวชน ดังนั้น จะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะแจกถุงยางอนามัยและให้ความรู้กับเยาวชน ต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงเพิ่มจุดตรวจเชื้อเอชไอวี มากขึ้น ซึ่งจะมีเอ็มโอยู กับสถาบันการศึกษา บริษัทเอกชนที่มีความเสี่ยง
สำหรับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น คือ กทม. ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ” นายชัยชนะ กล่าว
รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณที่ใช้ดูแลในส่วนของการป้องกันและดูแลกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี นั้น แต่ละปีมีงบประมาณ 8.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินในประเทศ 7.7 พันล้านบาท และได้รับการสนับสนุนต่างประเทศ 788 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในงบดังกล่าวมีการดูแลรักษาเป็นค่ายารักษา จำนวน 6.2 พันล้านบาท งบป้องกัน จำนวน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งในจำนวนผู้ที่รักษาตัว 5 แสนคนนั้น มีส่วนของคนต่างด้าวร่วมด้วยกว่า 5.7 พันคน และเมื่อคิดการรักษาตัวหัวต่อคนต่อปี จะอยู่ที่ 1.2 หมื่นบาท
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น